เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

รวมทุกพระสูตร ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี (1) 1701
  P1701 P1702 P1703 P1704 P1705 P1706 P1707
รวมพระสูตร
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 
  พระสูตรที่เกี่ยวข้อง (คัดเฉพาะพุทธวจน)
มหาปทานสูตร (๑๔)/ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑ - ๔๙
เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นาน และนาน / พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก หน้าที่ ๙ - ๑๐
  (ย่อ)

1. ภิกษุสนทนาเรื่อง'บุพเพนิวาส' พระศาสดาทรงทราบด้วยทิพย์โสตญาณ
ทรงถามว่า พวกเธอ ปรารถนาที่จะฟังธรรมมีกถา ซึ่งเกี่ยวด้วย บุพเพนิวาส หรือไม่

2. การอุบัติของพระพุทธเจ้าในอดีต ย้อนไป 91 กัป รวม 7 พระองค์
นับแต่นี้ไป ๙๑ กัป พระผู้มีพระภาค พระนามว่า วิปัสสี (องค์ที่๑)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
นับแต่นี้ไป ๓๑ กัป พระผู้มีพระภาค พระนามว่า สิขี (๒)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในกัปที่ ๓๑ นั่นเองพระผู้มีพระภาค พระนามว่า เวสสภู (๓)ได้เสด็จอุบัติขึ้น ในโลก

ในภัททกัปนี้แหละ(กัปปัจจุบัน) พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กกุสันธะ (๔)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในภัททกัปนี้แหละ พระผู้มีพระภาค พระนามว่า โกนาคมนะ (๕) ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในภัททกัปนี้แหละ พระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ (๖)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในภัททกัปนี้แหละ เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า (๗)ในบัดนี้ อุบัติขึ้นแล้วในโลก

3.
ชาติสกุลของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 7 พระองค์
1. พระผู้มีพระภาคฯ วิปัสสี ได้เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ ทรงอุบัติใน ขัตติยสกุล (สกุลกษัตริย์)
2. พระผู้มีพระภาคฯ สิขี ได้เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ ทรงอุบัติใน ขัตติยสกุล
3. พระผู้มีพระภาคฯ เวสสภู ได้เป็นกษัตริย์โดย พระชาติ ทรงอุบัติใน ขัตติยสกุล
4. พระผู้มีพระภาคฯ กกุสันธะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติใน พราหมณสกุล
5. พระผู้มีพระภาคฯ โกนาคมนะ ได้เป็นพราหมณ์โดย พระชาติ ทรงอุบัติใน พราหมณสกุล
6. พระผู้มีพระภาคฯ กัสสปะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติใน พราหมณสกุล
7. เราผู้อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้(โคดม) ได้เป็น กษัตริย์ โดยชาติ อุบัติใน ขัตติยสกุล

4. พระโคตรของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต ย้อนไป 91 กัป
1. พระผู้มีพระภาค พระนามว่าวิปัสสี เป็น โกณฑัญญโคตร
2. พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี เป็น โกณฑัญญโคตร
3. พระผู้มีพระภาค พระนามว่าเวสสภู เป็น โกณฑัญญโคตร
4. พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากกุสันธะ เป็น กัสสปโคตร
5. พระผู้มีพระภาค พระนามว่าโกนาคมนะ เป็น กัสสปโคตร
6. พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ เป็น กัสสปโคตร
7. เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้ เป็น โคตมโคตร

5. พระชนมมายุ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต ย้อนไป ๙๑ กัป
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค พระนามว่าวิปัสสี ประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค พระนามว่าสิขี ประมาณ ๗๐,๐๐๐ ปี
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค พระนามว่าเวสสภู ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ปี
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากกุสันธะ ประมาณ ๔๐,๐๐๐ ปี
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค พระนามว่าโกนาคมนะ ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ปี
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ประมาณ ๒๐,๐๐๐ ปี
ชนมายุของเราในบัดนี้ มีประมาณน้อยนิดเดียวผู้ที่มีชีวิตอยู่อย่างนานก็เพียง ๑๐๐ ปี บางทีก็น้อยกว่าบ้าง มากกว่าบ้าง

6. โคนไม้ที่ตรัสรู้
พระผู้มีพระภาค พระนามว่า วิปัสสี ตรัสรู้ที่ ควงไม้แคฝอย
พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี ตรัสรู้ที่ ควงไม้กุ่มบก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่าเวสสภู ตรัสรู้ที่ ควงไม้สาละ
พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากกุสันธะ ตรัสรู้ที่ ควงไม้ซึก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่าโกนาคมนะ ตรัสรู้ที่ ควงไม้มะเดื่อ
พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ตรัสรู้ที่ ควงไม้ไทร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้ ตรัสรู้ที่ ควงไม้โพธิ์

7. คู่อัครสาวก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่า วิปัสสี มี พระขัณฑะ และ พระติสสะ เป็นพระอัครสาวก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่าสิขี มี พระอภิภู และ พระสัมภวะ เป็นพระอัครสาวก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่าเวสสภู มี พระโสนะ และ พระอุตตระ เป็นพระอัครสาวก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากกุสันธะ มี พระวิธูระ และ พระสัญชีวะ เป็น พระอัครสาวก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่า โกนาคมนะ มี พระภิยโยสะ และพระอุตตระ เป็น พระอัครสาวก
พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ มี พระติสสะ และพระภารทวาชะ เป็น พระอัครสาวก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราในบัดนี้ มีสารีบุตร และโมคคัลลานะ เป็นอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

8. การประชุมกันแห่งสาวกของพระผู้มีพระภาคฯ
๑. การประชุมกันแห่งสาวกของพระผู้มีพระภาคฯ วิปัสสี ได้มีสามครั้ง
    ครั้งที่ ๑ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป
    ครั้งที่ ๒ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ รูป
    ครั้งที่ ๓ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๘๐,๐๐๐ รูป

๒.การประชุมพระสาวกของพระผู้มีพระภาคฯ สิขี ได้มีสามครั้ง
   ครั้งที่ ๑ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ รูป
   ครั้งที่ ๒ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๘๐,๐๐๐ รูป
   ครั้งที่ ๓ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๗๐,๐๐๐รูป

๓.การประชุมพระสาวกของ พระผู้มีพระภาคฯ เวสสภู ได้มี ๓ ครั้ง
   ครั้งที่ ๑ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๘๐,๐๐๐ รูป
   ครั้งที่ ๒ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๗๐,๐๐๐รูป
   ครั้งที่ ๓ มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ๖๐,๐๐๐ รูป

๔.การประชุมพระสาวก ของพระผู้มีพระภาคฯ กกุสันธะ ได้มีครั้งเดียว จำนวน ๔๐,๐๐๐รูป
.การประชุมพระสาวก ของพระผู้มีพระภาคฯ โกนาคมนะ ได้มีครั้งเดียว จำนวน ๓๐,๐๐๐ รูป
.การประชุมพระสาวก ของพระผู้มีพระภาคฯ กัสสปะ ได้มีครั้งเดียว จำนวน ๒๐,๐๐๐ รูป
.การประชุมกันแห่งสาวกของเราในบัดนี้ ได้มีครั้งเดียว มีภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป

9. ผู้อุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ภิกษุชื่อว่า อโสกะ เป็นอัครอุปัฏฐากของ พระผู้มีพระภาค วิปัสสี
ภิกษุชื่อว่า เขมังกระ เป็น อัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาค สิขี
ภิกษุชื่อว่า อุปสันตะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาค เวสสภู
ภิกษุชื่อว่า วุฑฒิชะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาค กกุสันธะ
ภิกษุชื่อว่า โสตถิชะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาค โกนาคมนะ
ภิกษุชื่อว่า สัพพมิตตะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาค กัสสปะ
ภิกษุผู้ชื่อว่า อานนท์ ได้เป็น อัครอุปัฏฐากของเราในบัดนี้

10. พระบิดา พระมารดา และราชธานี
๑.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า วิปัสสี
พระพันธุมา เป็นพระชนก (พระบิดา) / พันธุมดี เป็นพระชนนี (พระมารดา) / พันธุมดี เป็นราชธานี

๒.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า สิขี
พระอรุณะ เป็นพระชนก / ปภาวดี เป็น พระชนนี/ อรุณวดี เป็นราชธานี

๓.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า เวสสภู
สุปปตีตะ เป็นพระชนก / ยสวดี เป็นพระชนนี/ อโนมะ เป็นราชธานี

๔.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กกุสันธะ
พราหมณ์ อัคคิทัตตะ เป็นพระชนก / พราหมณี วิสาขา เป็นพระชนนี / เขมวดี เป็นราชธานี

๕.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า โกนาคมนะ
พราหมณ์ ยัญญทัตตะ เป็นพระชนก / พราหมณี อุตตรา เป็นพระชนนี / โสภวดี เป็นราชธานี

๖.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ
พราหมณ์ พรหมทัตตะ เป็นพระชนก / พราหมณี ธนวดี เป็นพระชนนี / พาราณสี เป็นราชธานี

๗.พระผู้มีพระภาคพระนามว่า โคดม
พระเจ้าสุทโธทนะ เป็นพระชนก / พระมายา เป็นพระชนนี/ กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นราชธานี

11.
ภิกษุเหล่านั้นรู้สึกอัศจรรย์ที่พระตถาคต มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
ที่ทรงระลึกได้ถึง พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว มีวัฏฏะอันตัดแล้ว ล่วงสรรพทุกข์แล้ว แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดยพระโคตร แม้โดยประมาณแห่ง พระชนมายุ แม้โดยคู่แห่งพระสาวก แม้โดยประชุมแห่งพระสาวก ฯลฯ

12. ตถาคตแทงตลอดธรรมธาตุ จึงระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้ว

 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑ - หน้าที่ ๔๙
๑. มหาปทานสูตร (๑๔)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1
(ภิกษุสนทนาเรื่อง'บุพเพนิวาส'พระศาสดาทรงทราบด้วยทิพย์โสตญาณ)

          [๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กุฎี ใกล้ไม้กุ่มน้ำ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี

          ครั้งนั้น ภิกษุมากรูป ในเวลาปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว นั่งประชุมกัน ในโรงกลม ใกล้ไม้กุ่มน้ำ เกิดสนทนาธรรมกันขึ้นเกี่ยวด้วย บุพเพนิวาส ว่าบุพเพนิวาส บุพเพนิวาส ดังนี้

          พระผู้มีพระภาคได้ ทรงสดับถ้อยคำเจรจาอันนี้ของภิกษุเหล่านั้น ด้วยพระ ทิพยโสตธาตุ* อันบริสุทธิ์ ล่วงโสตของมนุษย์
(รู้ด้วยทิพย์โสตญาณหรือหูทิพย์ซึ่งเป็นหนึ่งใน วิชชา ๘)

          ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกจากอาสนะ เสด็จเข้าไปยังโรงกลมใกล้ ไม้กุ่มน้ำ ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ พระผู้มีพระภาคครั้นประทับนั่งแล้ว ถามภิกษุทั้งหลาย ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมสนทนาอะไรกัน เรื่องอะไรที่พวกเธอ พูดค้างไว้ เมื่อตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า

          ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ในเวลาปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาต แล้ว ได้นั่งประชุมกันในโรงกลมใกล้ไม้กุ่มน้ำ แล้วเกิด สนทนาธรรมกันขึ้นเกี่ยวด้วย บุพเพนิวาสว่า บุพเพนิวาส บุพเพนิวาส แม้ดังนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องนี้แล ที่พวกข้าพระองค์พูดค้างไว้ พอดีพระองค์เสด็จมาถึง

          พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอปรารถนาหรือไม่ ที่จะ ฟังธรรมมีกถา ซึ่งเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาส ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มี พระภาค เป็นการสมควรแล้ว ที่พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงกระทำธรรมีกถา ซึ่งเกี่ยวด้วย บุพเพนิวาส

         ข้าแต่พระสุคต เป็นการสมควรแล้วที่พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงกระทำ ธรรมีกถา ซึ่งเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาส ภิกษุทั้งหลายได้ฟังพระดำรัส ของพระผู้มี พระภาค แล้ว จักได้ทรงจำไว้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ พระผู้มีพระภาคแล้วพระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพุทธพจน์นี้ว่า
------------------------------------------------------------------

2

(การอุบัติของพระพุทธเจ้าในอดีต ย้อนไป 91 กัป
รวม 7 พระองค์)

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นับแต่นี้ไป ๙๑ กัป พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี (๑)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
นับแต่นี้ไป ๓๑ กัป พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี (๒)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในกัปที่ ๓๑ นั่นเองพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู (๓)ได้เสด็จอุบัติขึ้น ในโลก

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในภัททกัปนี้แหละ
(กัปปัจจุบัน) พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ (๔)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในภัททกัปนี้แหละ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะ (๕) ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในภัททกัปนี้แหละ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ (๖)ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในภัททกัปนี้แหละ เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า (๗)ในบัดนี้ อุบัติขึ้นแล้วในโลก
------------------------------------------------------------------

3

(ชาติสกุลของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า)

          [๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี ได้เป็นกษัตริย์โดย พระชาติ ทรงอุบัติในขัตติยสกุล

พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สิขี ได้เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ ทรงอุบัติในขัตติยสกุล

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู ได้เป็นกษัตริย์โดย พระชาติ ทรงอุบัติในขัตติยสกุล

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ ได้เป็นพราหมณ์โดย พระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล

พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะ ได้เป็นพราหมณ์ โดย พระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล

พระผู้มีพระภาค อหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ ได้เป็นพราหมณ์โดย พระชาติ ทรงอุบัติ ในพราหมณสกุล

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราผู้อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้(โคดม) ได้เป็น กษัตริย์ โดยชาติ อุบัติในขัตติยสกุล
------------------------------------------------------------------

4
(พระโคตรของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต ย้อนไป ๙๑ กัป)

          [๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี เป็นโกณฑัญญโคตร
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี เป็นโกณฑัญญโคตร
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู เป็นโกณฑัญญโคตร
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะ เป็นกัสสปโคตร
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะ เป็นกัสสปโคตร
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ เป็นกัสสปโคตร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้ เป็นโคตมโคตร
------------------------------------------------------------------------

5

(พระชนมมายุ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต ย้อนไป ๙๑ กัป)

          [๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระชนมายุของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี
ประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี

พระชนมายุของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี
ประมาณ ๗๐,๐๐๐ ปี

พระชนมายุ ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู
ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ปี

พระชนมายุของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะ
ประมาณ ๔๐,๐๐๐ ปี

พระชนมายุของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะ
ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ปี

พระชนมายุของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ ประมาณ ๒๐,๐๐๐ ปี

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชนมายุของเราในบัดนี้ มีประมาณน้อยนิดเดียว ผู้ที่มีชีวิต อยู่อย่างนาน ก็เพียง ๑๐๐ ปี บางทีก็น้อยกว่าบ้างมากกว่าบ้าง
------------------------------------------------------------------

6

(โคนไม้ที่ตรัสรู้ )

          [๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี ตรัสรู้ที่ควงไม้แคฝอย
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี ตรัสรู้ที่ควงไม้กุ่มบก
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู ตรัสรู้ที่ควงไม้สาละ
พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ ตรัสรู้ที่ควงไม้ซึก
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะ ตรัสรู้ที่ควงไม้มะเดื่อ
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ ตรัสรู้ที่ควงไม้ไทร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้ ตรัสรู้ที่ควงไม้โพธิ์
------------------------------------------------------------------------

7

(คู่สาวก)

          [๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี มี พระขัณฑะ และพระติสสะ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี มี พระอภิภู และพระ สัมภวะ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู มี พระโสนะ และ พระอุตตระ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะ มี พระวิธูระ และ พระสัญชีวะ เป็นคู่ พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะ มี พระภิยโยสะ และ พระอุตตระ เป็นคู่ พระอัคร สาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ มี พระติสสะ และ พระภารทวาชะ เป็นคู่ พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราในบัดนี้ มีสารีบุตร และโมคคัลลาน เป็นคู่อัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ
------------------------------------------------------------------------

8

(การประชุมสาวก)

          [๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกันแห่งสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี ได้มีสามครั้ง
- ครั้งหนึ่ง มีพระสาวก ประชุมกันเป็น จำนวน ภิกษุหกล้านแปดแสนรูป
- อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุม กัน เป็นจำนวนภิกษุแสนรูป
- อีกครั้งหนึ่งมีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ภิกษุแปดหมื่นรูป
สาวกของ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ซึ่งได้ประชุมกันทั้งสาม ครั้งนี้ ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกันแห่งพระสาวกของ พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี ได้มีสามครั้ง
-ครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวน ภิกษุแสนรูป
-อีกครั้งหนึ่งมีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวน ภิกษุแปดหมื่นรูป
-อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวน ภิกษุเจ็ดหมื่นรูป
พระสาวกของพระผู้มี พระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี ซึ่งได้ประชุมกันทั้งสามครั้งนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพทั้งสิ้น

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกันแห่งพระสาวกของ พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู ได้มี ๓ ครั้ง
-ครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวน ภิกษุแปดหมื่นรูป
-อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวน ภิกษุเจ็ดหมื่นรูป
-อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวก ประชุมกันเป็นจำนวน ภิกษุหกหมื่นรูป
พระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภู ซึ่งได้ประชุมกัน ทั้งสามครั้งนี้ ล้วนเป็นพระขีณาสพ ทั้งสิ้น

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกันแห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ ได้มีครั้งเดียว มีจำนวน ภิกษุสี่หมื่นรูป พระสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะ ซึ่งได้ประชุมกัน ครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกัน แห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะ ได้มีครั้งเดียว มีจำนวน ภิกษุสามหมื่นรูป พระสาวกของ พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะซึ่งได้ ประชุมกัน ครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกันแห่งพระสาวกของพระผู้มี พระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ ได้มีครั้งเดียว มีจำนวน ภิกษุสองหมื่นรูป พระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ ที่ได้ประชุมกัน ครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประชุมกันแห่งสาวกของเราในบัดนี้ ได้มีครั้งเดียว มีจำนวน ภิกษุหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป สาวกของเรา ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น
------------------------------------------------------------------------

9

(ผู้อุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า)

          [๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุชื่อว่า อโสกะ เป็นอัครอุปัฏฐากของ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี
ภิกษุชื่อว่า เขมังกระ เป็น อัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี
ภิกษุชื่อว่า อุปสันตะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู
ภิกษุชื่อว่า วุฑฒิชะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะ
ภิกษุชื่อว่า โสตถิชะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะ
ภิกษุชื่อว่า สัพพมิตตะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ชื่อว่า อานนท์ ได้เป็น อัครอุปัฏฐากของเราในบัดนี้
------------------------------------------------------------------------


10

(พระบิดา พระมารดา และราชธานี)

          [๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระราชาพระนามว่า พันธุมา เป็นพระชนก (พระบิดา)
พระเทวีพระนามว่า พันธุมดี เป็นพระชนนี (พระมารดา) บังเกิดเกล้า ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี
พระนครชื่อว่า พันธุมดี ได้เป็นราชธานีของพระเจ้าพันธุมา

พระราชาพระนามว่า อรุณะ เป็นพระชนก
พระเทวีพระนามว่า ปภาวดี เป็น พระชนนีบังเกิดเกล้า
ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สิขี
พระนครชื่อว่า อรุณวดี ได้เป็นราชธานีของพระเจ้าอรุณะ

พระราชาพระนามว่า สุปปตีตะ เป็นพระชนก
พระเทวีพระนามว่า ยสวดี เป็น พระชนนี บังเกิดเกล้า
ของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู
พระนครชื่อว่า อโนมะ ได้เป็นราชธานีของพระเจ้าสุปปตีตะ

พราหมณ์ชื่อว่า อัคคิทัตตะ เป็นพระชนก
พราหมณีชื่อว่า วิสาขา เป็นพระชนนี บังเกิดเกล้า ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ ภิกษุทั้งหลาย ก็พระราชาพระนามว่าเขมะได้มีแล้ว
โดยสมัยนั้นแลพระนครชื่อว่า เขมวดี ได้เป็นราชธานีของพระเจ้าเขมะ

พราหมณ์ชื่อว่า ยัญญทัตตะ เป็นพระชนก
พราหมณีชื่อว่า อุตตรา เป็นพระชนนี บังเกิดเกล้าของพระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคมนะ ก็พระราชาพระนามว่าโสภะได้มีแล้ว
โดยสมัยนั้นแล พระนครชื่อว่า โสภวดี ได้เป็นราชธานีของพระเจ้าโสภะ

พราหมณ์ชื่อว่า พรหมทัตตะ เป็นพระชนก
พราหมณีชื่อ ธนวดี เป็นพระชนนี บังเกิดเกล้า ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ ก็พระราชาพระนาม ว่า กิงกี ได้มีแล้ว
โดยสมัยนั้นแล พระนครชื่อว่า พาราณสี ได้เป็นราชธานีของ พระเจ้ากิงกี

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาพระนามว่า สุทโธทนะ เป็นพระชนก
พระเทวี พระนามว่า มายา เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้า ของเรา (โคดม) ในบัดนี้
พระนครชื่อว่า กบิลพัสดุ์ ได้เป็น ราชธานีของพระเจ้าสุทโธทนะ

          พระผู้มีพระภาค ตรัสดั่งนี้แล้ว เสด็จลุกจาก อาสนะ เสด็จเข้าพระวิหาร
------------------------------------------------------------------------

11
(ภิกษุเหล่านั้นรู้สึกอัศจรรย์ที่พระตถาคต มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก)

          [๑๐] ครั้งนั้นแล เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จหลีกไปแล้วไม่นาน ภิกษุเหล่านั้น ได้สนทนา กันขึ้น ในระหว่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์ ผู้มีอายุทั้งหลาย ไม่เคย มีแล้ว ผู้มีอายุทั้งหลาย พระตถาคตต้องทรงมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก จึงจักทรงระลึกได้ถึง พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรมเครื่อง ทำให้เนิ่นช้า ได้แล้ว มีวัฏฏะอันตัดแล้ว ล่วงสรรพทุกข์แล้วแม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดย พระโคตร แม้โดยประมาณแห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่แห่งพระสาวก แม้โดยประชุมแห่ง พระสาวกว่า

          แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้นจึงได้มีพระชาติเช่นนี้ แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาค เหล่านั้น จึงได้มีพระนามเช่นนี้ แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้น จึงได้มีพระโคตรเช่นนี้ แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้นจึงได้มีศีลเช่นนี้ แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาค เหล่านั้น จึงได้มีธรรมเช่นนี้ แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มี พระภาคเหล่านั้นจึงได้มีพระปัญญาเช่นนี้ แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้น จึงได้มี วิหารธรรมเช่นนี้

          แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้น จึงได้มีวิมุตติเช่นนี้ท่านผู้มีอายุ ทั้งหลาย เป็นอย่างไรหนอแล พระตถาคตพระองค์เดียว จึงทรงแทงตลอดธรรมธาตุนี้ เพราะเหตุที่ พระตถาคตทรงแทงตลอดธรรมธาตุ แล้วฉะนั้น จึงทรงระลึกได้ถึง พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรมเครื่องทำให้เนิ่นช้า ได้แล้ว ทรงครอบงำวัฏฏะแล้ว ล่วงสรรพทุกข์แล้ว แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระโคตร แม้โดยประมาณแห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่แห่ง พระสาวกแม้โดยประชุมแห่งสาวกว่า

          แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้นจึงได้มีพระชาติเช่นนี้ มีพระนามเช่นนี้ มีพระโคตรเช่นนี้ มีศีลเช่นนี้ มีธรรมเช่นนี้ มีพระปัญญาเช่นนี้ มีวิหารธรรมเช่นนี้ มีวิมุตติเช่นนี้ ดังนี้ หรือว่า เพราะความข้อนี้ พวกเทวดาได้กราบทูลแด่พระตถาคต พระตถาคต จึงทรงระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้า ที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรม เครื่องทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว มีวัฏฏะอันตัดแล้ว ทรงครอบงำวัฏฏะแล้ว ล่วงสรรพทุกข์ แล้ว แม้โดยพระชาติแม้โดยพระนาม

          แม้โดยพระโคตร แม้โดยประมาณแห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่แห่งพระสาวก แม้โดยประชุมแห่งพระสาวกว่า แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้นจึงได้มีพระชาติ เช่นนี้ มีพระนามเช่นนี้ มีพระโคตร เช่นนี้ มีศีลเช่นนี้ มีธรรมเช่นนี้ มีพระปัญญาเช่นนี้ มีวิหารธรรมเช่นนี้ มีวิมุตติ เช่นนี้ ก็ภิกษุเหล่านั้นยังค้างการสนทนากันอยู่ตรงนี้

          [๑๑] ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาค เสด็จออกจากที่ประทับพักผ่อนในเวลาเย็น เสด็จตรง ไปยังโรงใกล้หมู่ไม้กุ่มน้ำ แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ แล้วพระผู้มี พระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอ นั่งประชุม สนทนา อะไรกัน เรื่องอะไรที่พวกเธอพูดค้างไว้ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถามดังนี้ ภิกษุเหล่านั้น ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

          ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเมื่อพระผู้มีพระภาค เสด็จหลีกไปแล้วไม่นาน พวกข้าพระองค์ ได้สนทนากันขึ้นใน ระหว่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์ ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ไม่เคยมีแล้ว ท่านผู้มีอายุทั้งหลายพระตถาคตจะต้องทรงมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก จึงจักทรงระลึก ได้ ถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรม ที่ทำให้เนิ่นช้า ได้แล้ว มีวัฏฏะ อันตัดแล้ว ทรงครอบงำวัฏฏะแล้ว ล่วงสรรพทุกข์ ได้แล้ว แม้โดย พระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดยพระโคตร แม้โดยประมาณแห่ง พระชนมายุ แม้โดยคู่แห่งพระสาวก แม้โดยประชุมแห่งพระสาวกว่า แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาค เหล่านั้น จึงได้มีพระชาติเช่นนี้ ฯลฯ มีวิมุตติเช่นนี้
------------------------------------------------------------------------

12

(ตถาคตแทงตลอดธรรมธาตุ
จึงระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้ว)

          ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เป็นอย่างไร หนอแล พระตถาคตพระองค์เดียว จึงทรงแทงตลอดธรรมธาตุนี้ เพราะเหตุที่พระตถาคตทรงแทงตลอด ธรรมธาตุแล้ว ฉะนั้น จึงทรง ระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้า ทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรมเครื่อง ทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว มีวัฏฏะอันตัดแล้ว ทรงครอบงำวัฏฏะแล้ว ล่วงสรรพทุกข์แล้ว แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดยพระโคตร แม้โดย ประมาณ แห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่ แห่งพระสาวก แม้โดยประชุมแห่งพระสาวกว่า แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาค เหล่านั้น จึงได้มีพระชาติเช่นนี้ มีพระนามเช่นนี้ มีพระโคตรเช่นนี้ มีศีลเช่นนี้มีธรรม เช่นนี้ มีพระปัญญาเช่นนี้ มีวิหารธรรมเช่นนี้ มีวิมุตติเช่นนี้ หรือว่าเพราะความข้อนี้ พวกเทวดา ได้กราบทูลแด่พระตถาคต พระตถาคต จึงทรงระลึกได้ถึง พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรมเครื่องทำให้เนิ่นช้า ได้แล้ว มีวัฏฏะ อันตัดแล้ว ครอบงำวัฏฏะแล้วล่วงสรรพทุกข์แล้ว แม้โดย พระชาติ แม้โดย พระนาม ฯลฯ แม้โดยประชุมแห่งพระสาวกว่าแม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาค เหล่านั้น จึงได้มี พระชาติเช่นนี้ มีพระนามเช่นนี้ ฯลฯ มี วิมุตติเช่นนี้ ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ เรื่องนี้แลที่พวกข้าพระองค์พูดค้างไว้ พอดี พระผู้มีพระภาค เสด็จมาถึง

          พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุที่ตถาคต แทงตลอด ธรรมธาตุ แล้วฉะนั้น ตถาคตจึงระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพาน แล้ว ตัดธรรม เครื่องทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว มีวัฏฏะอันตัดแล้ว ครอบงำวัฏฏะแล้ว แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดยพระโคตร แม้โดยประมาณแห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่แห่งพระสาวก แม้โดยการประชุมกันแห่งพระสาวกว่า

          แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้น จึงได้มีพระชาติเช่นนี้มีพระนามเช่นนี้ ฯลฯ มีวิมุตติเช่นนี้ ความข้อนี้ แม้พวกเทวดาก็ได้กราบทูลแด่ตถาคต ตถาคต จึงระลึกได้ถึง พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว ซึ่งปรินิพพานแล้ว ตัดธรรม เครื่องทำให้เนิ่นช้า ได้แล้ว มีวัฏฏะอันตัดแล้ว ครอบงำวัฏฏะแล้ว ล่วงสรรพทุกข์ แล้ว แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนามฯลฯ แม้โดยการประชุมกันแห่งพระสาวกว่า

          แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้นจึงได้มีพระชาติเช่นนี้ มีพระนามเช่นนี้ มีวิมุตติ เช่นนี้ ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอปรารถนาหรือไม่ที่จะฟังธรรมีกถา ซึ่งเกี่ยวด้วย บุพเพนิวาส โดยยิ่งกว่าประมาณ ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นกาลสมควรแล้ว ข้าแต่พระสุคต เป็นกาลสมควรแล้วที่พระผู้มีพระภาคจะพึงทรง กระทำธรรมีกถา ซึ่งเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาส โดยยิ่งกว่าประมาณ ภิกษุทั้งหลาย ได้ฟัง พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วจักได้ทรงจำไว้

          พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น พวกเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาค ได้ตรัส พระพุทธพจน์นี้ว่า

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย นับแต่นี้ไป ๙๑ กัป พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี เสด็จอุบัติแล้วในโลก พระองค์เป็นกษัตริย์โดย พระชาติ เสด็จอุบัติ แล้ว ในขัตติยสกุล เป็นโกณฑัญญโดยพระโคตร มีพระชนมายุ ประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี พระองค์ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้แคฝอย มีพระขัณฑะ และพระติสสะ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญการประชุมแห่งพระสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสีได้มีแล้ว ๓ ครั้ง

          ครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ หกล้านแปดแสนรูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวนภิกษุ แสนรูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวก ประชุมกัน เป็นจำนวนภิกษุแปดหมื่นรูป ภิกษุทั้งหลาย พระสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ซึ่งได้ประชุมกัน ทั้ง ๓ ครั้งนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้อุปัฏฐาก ชื่อว่าอโสกะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐากของ พระผู้มี พระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชา พระนามว่าพันธุมา เป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่าพันธุมดี เป็นพระชนนี บังเกิดเกล้า ของพระองค์ พระนครชื่อว่าพันธุมดี ได้เป็นราชธานีของพระเจ้าพันธุมา

 

 

 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์