พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๗-๒๒๒
๑๐. ภเวสิสูตร
ว่าด้วยภเวสีอุบาสก
[๑๘๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค เสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยภิกษุ สงฆ์หมู่ใหญ่ ขณะที่เสด็จดำเนินไปตามหนทางไกล ได้ทอดพระเนตรเห็นสาละป่าใหญ่ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง จึงทรงแวะลงจากหนทางเสด็จเข้าไปสู่ป่าสาละ นั้น
ครั้นเสด็จถึงแล้วจึงทรงทำการแย้มให้ปรากฏ ณ ที่แห่งหนึ่ง
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้คิดว่า อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาค ทรงกระทำการแย้มให้ปรากฏ พระตถาคตย่อมไม่ทรงกระทำการแย้ม ให้ปรากฏด้วยไม่มีเหตุ ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ จึงได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระผู้มีพระภาค ทรงกระทำการ แย้มให้ปรากฏ พระตถาคตย่อมไม่ทรงทำการแย้ม ให้ปรากฏด้วยไม่มีเหตุ
พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า
ดูกรอานนท์ เรื่องเคยได้มีมาแล้ว คือ ณ ประเทศนี้ได้เป็นเมืองมั่งคั่ง กว้างขวาง มีชนมาก มีมนุษย์หนาแน่น ก็พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสป อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ทรงอาศัยอยู่ในพระนครนั้น ก็อุบาสกนามว่าภเวสี ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสป อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในศีล อุบาสก ประมาณ ๕๐๐ คน เป็นผู้อันภเวสีอุบาสกชี้แจงชักชวน ก็ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสก ได้คิดว่า ก็เราเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นหัวหน้า ชักชวน อุบาสกประมาณ ๕๐๐ คนเหล่านี้ และเราก็เป็นผู้ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในศีล แม้อุบาสก ประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ ก็เป็นผู้ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในศีล ต่างคนต่างก็เท่าๆ กัน ไม่ยิ่งไปกว่ากันผิฉะนั้น เราควรปฏิบัติให้ยิ่งกว่า
-----------------------------------------------------------------------------------------
(ต่างฝ่ายต่างแข่งกันทำให้บริบูรณ์ในศีล)
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสกได้เข้าไปหาอุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้นแล้ว ได้กล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ตั้งแต่วันนี้ไปขอท่านทั้งหลายจงจำเราไว้ ว่าเป็นผู้ กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
ครั้งนั้น อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้คิดว่า ภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้า เป็นผู้มี อุปการะมากเป็นหัวหน้า ชักชวนเราทั้งหลาย ก็ภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้าจักเป็นผู้กระทำ ให้บริบูรณ์ในศีล ก็ไฉนเราทั้งหลายจะทำให้บริบูรณ์ในศีลไม่ได้เล่า
ครั้งนั้น อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้เข้าไปหาภเวสีอุบาสกแล้วกล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ไปขอภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้าจงจำอุบาสก ๕๐๐ แม้เหล่านี้ ว่าเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสกได้คิดว่า ก็เราแลเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นหัวหน้าชักชวน อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ และเราก็เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีลแม้อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ ก็เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล ต่างคนต่างก็เท่าๆ กัน ไม่ยิ่งไปกว่ากัน ผิฉะนั้น เราควรปฏิบัติให้ยิ่งกว่า
-----------------------------------------------------------------------------------------
(ต่างฝ่ายต่างแข่งกันเว้นจากเมถุน)
ครั้งนั้นภเวสีอุบาสก ได้เข้าไปหาอุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้นแล้วกล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ตั้งแต่วันนี้ไป ขอท่านทั้งหลายจงจำเราไว้ว่า เป็นผู้ประพฤติ พรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ครั้งนั้นอุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้นได้คิดว่า ภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้า เป็นผู้มี อุปการะมาก เป็นหัวหน้า ชักชวนเราทั้งหลาย ภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้าจักประพฤติ พรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน ก็ไฉนเราทั้งหลาย จักเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน ไม่ได้เล่า
ครั้งนั้น อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้เข้าไปหาภเวสีอุบาสกแล้วกล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ไป ขอภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้า จงจำอุบาสก ๕๐๐ แม้เหล่านี้ว่า เป็นผู้ประพฤติ พรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสกได้คิดว่า ก็เราแลเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นหัวหน้า ชักชวน อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้
และเราก็เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล แม้อุบาสก ประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ ก็เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
และเราก็เป็นผู้ประพฤติ พรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน แม้อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ ก็เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุน อันเป็นธรรมของ ชาวบ้าน ต่างคนต่างก็เท่าๆ กัน ไม่ยิ่งไปกว่ากัน ผิฉะนั้น เราควรปฏิบัติให้ยิ่งกว่า
-----------------------------------------------------------------------------------------
(แข่งกันบริโภคอาหารมื้อเดียว)
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสกได้เข้าไปหาอุบาสก ประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้นแล้วกล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ตั้งแต่วันนี้ไป ขอท่านทั้งหลายจงจำเราไว้ว่าเป็นผู้บริโภค อาหารมื้อเดียวเว้นการบริโภคในราตรี งดเว้นการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
ครั้งนั้นประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้คิดว่า ภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้า เป็นผู้มีอุปการะ มาก เป็นหัวหน้า ชักชวนเราทั้งหลาย ภเวสีอุบาสกอุบาสกผู้เป็นเจ้า จักเป็นผู้บริโภค อาหาร มื้อเดียว เว้นการบริโภคในราตรี งดเว้นการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ก็ไฉนเราทั้งหลาย จักเป็นผู้บริโภคมื้อเดียวเว้นการบริโภคในราตรี งดเว้นการบริโภค อาหารในเวลาวิกาลไม่ได้เล่า (อุบาสก ๕๐๐ เอาตามบ้าง)
ครั้งนั้นอุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้เข้าไปหาภเวสีอุบาสกแล้ว กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ไป ขอภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้า จงจำอุบาสก ๕๐๐ แม้เหล่านี้ว่า เป็นผู้บริโภค อาหาร มื้อเดียว งดการบริโภคในราตรี งดเว้นการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสกได้คิดว่า ก็เราแลเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นหัวหน้า ชักชวน อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ และเราก็เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล แม้อุบาสก ประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ ก็เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล และเราเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน แม้อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านี้ ก็เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติเว้นไกลจากเมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน และเราเป็นผู้บริโภคอาหารมื้อเดียว งดการบริโภคในราตรี งดเว้นการบริโภคอาหาร ในเวลาวิกาล แม้อุบาสกประมาณ ๕๐๐เหล่านี้ ก็เป็นผู้บริโภคอาหารมื้อเดียว งดการบริโภคในราตรี งดเว้นการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ต่างคนต่างก็เท่าๆ กัน ไม่ยิ่งไปกว่ากัน ผิฉะนั้นเราควรปฏิบัติให้ยิ่งกว่า
-----------------------------------------------------------------------------------------
(แข่งกันบรรพชา ไม่นานก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทั้งภเวสี และอุบาสก ประมาณ ๕๐๐ )
ครั้งนั้น ภเวสีอุบาสก ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสป อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าถึงที่ประทับ แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค ภเวสีอุบาสก ได้บรรพชา อุปสมบท แล้วในสำนัก พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ภเวสีภิกษุอุปสมบทแล้วไม่นาน หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่นานนักก็ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์ อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลาย ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกมิได้มี ก็แลภเวสีภิกษุ ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย
ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้คิดว่าภเวสีอุบาสก ผู้เป็นเจ้า เป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นหัวหน้า ชักชวนเราทั้งหลาย ก็ภเวสีอุบาสกผู้เป็นเจ้า จักปลงผมหนวดครองผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต ไฉนเราทั้งหลายจักปลงผม และหนวด ครองผ้ากาสายะออกบวชเป็นบรรพชิตไม่ได้เล่า (อุบาสก ๕๐๐ เอาตามบ้าง)
ครั้งนั้นอุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงที่ประทับ แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายพึงได้บรรพชาอุปสมบท ในสำนักของ พระผู้มีพระภาค อุบาสกประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ได้บรรพชาอุปสมบทในสำนัก พระผู้มีพระภาค พระนาม ว่า กัสสปอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ครั้งนั้น ภเวสีภิกษุได้คิดว่า เราแลเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งวิมุตติสุขอันเป็นธรรมชั้นเยี่ยมนี้ โอหนอ ภิกษุประมาณ ๕๐๐ แม้เหล่านี้ ก็พึงเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งวิมุตติสุขอันเป็นธรรม ชั้นเยี่ยมนี้
ครั้งนั้นภิกษุประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น ต่างเป็นผู้หลีกออกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาทมีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่นานนักก็ได้ทำให้แจ้ง ซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์ อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลาย ออกบวชเป็นบรรพชิต โดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญา อันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ได้รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก ภิกษุประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้น มีภเวสีภิกษุเป็นประมุข พยายามบำเพ็ญธรรมที่สูงๆ ขึ้นไป ประณีตขึ้นไป ได้ทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติอันเป็นธรรมชั้นเยี่ยม ด้วยประการฉะนี้
ดูกรอานนท์ เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลาย จักพยายามบำเพ็ญธรรมที่สูงๆ ขึ้นไป ประณีตขึ้นไป จักทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติอันเป็นธรรม ชั้นเยี่ยม ดูกรอานนท์ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล |