พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก หน้า ๑๙๘
พลสูตรที่ ๑
(ว่าด้วยกำลัง - ๑)
[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑.
ทารกทั้งหลาย มีการร้องไห้เป็นกำลัง
๒.
มาตุคามทั้งหลาย มีความโกรธเป็นกำลัง
๓.
โจรทั้งหลาย มีอาวุธเป็นกำลัง
๔.
พระราชาทั้งหลาย มีอิสริยยศเป็นกำลัง
๕.
คนพาลทั้งหลาย มีการเพ่งโทษผู้อื่นเป็นกำลัง
๖. บัณฑิตทั้งหลายมีการไม่เพ่งโทษเป็นกำลัง
๗.
พหุสุตบุคคลทั้งหลาย มีการพิจารณาเป็นกำลัง
๘.
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย มีขันติเป็นกำลัง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๘ ประการนี้แล
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก หน้า ๑๙๘-๒๐๐
พลสูตรที่ ๒
(ว่าด้วยกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ -๒)
[๑๑๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถาม ท่านพระสารีบุตรว่า ดูกรสารีบุตร กำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ มีเท่าไร ที่เป็นเหตุ ให้เธอ ผู้ประกอบแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะ ทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเรา สิ้นแล้ว
ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ๘ ประการ ที่เป็นเหตุให้ท่านผู้ประกอบแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๘ ประการเป็นไฉน
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุผู้ขีณาสพในธรรมวินัยนี้ เห็นสังขารทั้งปวงแจ่มแจ้งโดย ความเป็นของไม่เที่ยงด้วยปัญญา อันชอบตามเป็นจริง ข้อที่ภิกษุผู้ขีณาสพ เห็นสังขาร ทั้งปวงแจ่มแจ้ง โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลัง ของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัย แล้ว ปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะ ทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ เห็นกามทั้งหลายว่า เปรียบด้วยหลุมถ่าน เพลิง แจ่มแจ้งด้วยปัญญา อันชอบตามเป็นจริง ข้อที่ภิกษุผู้ขีณาสพ เห็นกามทั้งหลาย ว่าเปรียบ ด้วยหลุมถ่านเพลิง แจ่มแจ้งด้วยปัญญา อันชอบตามเป็นจริง นี้เป็นกำลัง ของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัยแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลาย ได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ มีจิตน้อมไป โน้มไป โอนไปในวิเวกตั้งอยู่ ในวิเวก ยินดีแล้วในเนกขัมมะ ปราศจากอาสวัฏฐานิยธรรม โดยประการทั้งปวง ข้อที่ ภิกษุผู้ขีณาสพมีจิตน้อมไป ฯลฯ ปราศจากอาสวัฏฐานิยธรรม โดยประการทั้งปวง นี้เป็นกำลังของ ภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัย แล้วปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะ ทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ เจริญสติปัฏฐาน ๔ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษุ ผู้ขีณาสพ เจริญสติปัฏฐาน ๔ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่าน อาศัยแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไปแห่ง อาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเรา สิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ เจริญอิทธิบาท ๔ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษุ ผู้ขีณาสพ เจริญอิทธิบาท ๔ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัย แล้ว ปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ เจริญอินทรีย์ ๕ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษ ุผู้ขีณาสพ เจริญอินทรีย์ ๕ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของ ภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัย แล้วป ฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ เจริญโพชฌงค์ ๗ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษุ ผู้ขีณาสพ เจริญโพชฌงค์ ๗ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของ ภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัย แล้วปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพ เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อบรม ดีแล้ว ข้อที่ภิกษุผู้ขีณาสพ เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อบรมดีแล้วนี้เป็นกำลัง ของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัยแล้วปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ๘ ประการนี้แล ที่เป็นเหตุให้ ท่านผู้ประกอบแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลาย ของเรา สิ้นแล้ว |