เทวตาสังยุต พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ หน้าที่ ๔๒
ชราวรรคที่ ๖
ชราวรรคที่ ๖ (๑๐ พระสูตร โดยย่อ)
๑. ศีล ยังประโยชน์ให้สำเร็จจนชรา ศรัทธายังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญาเป็นรัตนะ
๒. ศีล ไม่ชำรุดจึงยังประโยชน์ให้สำเร็จ ศรัทธาดำรงมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
๓. เกวียน-โค เป็นมิตรของคนเดินทาง มารดา เป็นมิตรในเรือนของตน
๔. บุตร เป็นที่ตั้งของมนุษย์ทั้งหลาย ภรรยา เป็นสหายอย่างยิ่ง
๕. พ. ตัณหายังคนให้เกิด สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร ทุกข์ เป็นภัยใหญ่ของเขา
๖. พ. ตัณหายังคนให้เกิด สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร สัตว์ ย่อมไม่หลุดพ้นจากทุกข์
๗. ตัณหายังคนให้เกิด จิตย่อมวิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายในสงสาร กรรม เป็นที่พักของสัตว์
๘. พระอริยเจ้าทั้งหลาย สรรเสริญการฆ่าความโกรธ ซึ่งมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน
๙. โลก อันความอยากผูกไว้ เพราะกำจัดความอยากเสียได้ จึงหลุดพ้น
๑๐. เมื่ออายตนะ ๖ เกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น โลกย่อม เดือดร้อนเพราะอายตนะ ๖ |
|
ชราสูตรที่ ๑
ศีล ยังประโยชน์ให้สำเร็จ จนกระทั่งชรา
ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
ปัญญา เป็นรัตนะ ของคนทั้งหลาย
บุญ อันโจรลักไปได้ยาก
[๑๕๘] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังประโยชน์ให้สำเร็จ จนกระทั่งชรา อะไรหนอ ตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอ เป็นรัตนะของคนทั้งหลาย อะไรหนอ โจรลักไปได้ยาก
[๑๕๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จ จนกระทั่งชรา ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญาเป็นรัตนะ ของคนทั้งหลาย บุญ อันโจรลักไปได้ยาก
อชรสาสูตรที่ ๒
ศีล เพราะไม่ชำรุดจึงยังประโยชน์ ให้สำเร็จ
ศรัทธา ดำรงมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
ปัญญา เป็นรัตนะของคน ทั้งหลาย
บุญ อันบุคคลพึงนำไป ให้พ้นจากพวกโจรได้
[๑๖๐] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอ เพราะไม่ชำรุด จึงยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอ ดำรงมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอ เป็นรัตนะของชนทั้งหลาย อะไรหนอ บุคคลพึงนำให้พ้นจากพวกโจรได้
[๑๖๑] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศีล เพราะไม่ชำรุดจึงยังประโยชน์ ให้สำเร็จ ศรัทธา ดำรงมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญา เป็นรัตนะของคน ทั้งหลายบุญ อันบุคคลพึงนำไป ให้พ้นจากพวกโจรได้
มิตตสูตรที่ ๓
เกวียน-โค เป็นมิตรของคนเดินทาง
มารดา เป็นมิตรในเรือนของตน
สหาย เป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขึ้นเนืองๆ
บุญที่ตนทำเอง เป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า
[๑๖๒] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอเป็นมิตร ของคนเดินทาง อะไรหนอเป็น มิตร ในเรือนของตน อะไรเป็นมิตรของคนมีธุระเกิดขึ้น อะไรหนอเป็นมิตรติดตามไป ถึงภพหน้า
[๑๖๓] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า พวกเกวียน พวกโคต่างเป็นมิตรของคน เดินทาง มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน สหายเป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขึ้นเนืองๆ บุญที่ตนทำเอง เป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า
วัตถุสูตรที่ ๔
บุตร เป็นที่ตั้งของมนุษย์ทั้งหลาย
ภรรยา เป็นสหายอย่างยิ่ง
เหล่าสัตว์มีชีวิต ที่อาศัยแผ่นดิน อาศัยฝนเลี้ยงชีพอยู่
[๑๖๔] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอเป็นที่ตั้งของมนุษย์ทั้งหลาย อะไรหนอ เป็นสหายอย่างยิ่งในโลกนี้ เหล่าสัตว์มีชีวิตที่อาศัยแผ่นดิน อาศัยอะไรหนอ เลี้ยงชีพ
[๑๖๕] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า บุตรเป็นที่ตั้งของมนุษย์ทั้งหลาย ภรรยา เป็นสหายอย่างยิ่ง เหล่าสัตว์มีชีวิต ที่อาศัยแผ่นดิน อาศัยฝนเลี้ยงชีพอยู่
ปฐมชนสูตรที่ ๕
ตัณหา ยังคนให้เกิด
จิต ของเขาย่อม วิ่งพล่าน
สัตว์ เวียนว่ายไปยังสงสาร
ทุกข์ เป็นภัยใหญ่ของเขา
[๑๖๖] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังคนให้เกิด อะไรหนอของเขาย่อม วิ่งพล่าน อะไรหนอเวียนว่ายไปยังสงสาร อะไรหนอเป็นภัยใหญ่ของเขา
[๑๖๗] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อม วิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของเขา
ทุติยชนสูตรที่ ๖
พ. ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อม วิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสารสัตว์ ย่อมไม่หลุดพ้นจากทุกข์
[๑๖๘] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังคนให้เกิด อะไรหนอของเขาย่อม วิ่งพล่าน อะไรหนอเวียนว่ายไปยังสงสาร สัตว์ย่อมไม่หลุดพ้นจากอะไร
[๑๖๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อม วิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร สัตว์ย่อมไม่หลุดพ้นจากทุกข์
ตติยชนสูตรที่ ๗
ตัณหา ยังคนให้เกิด
จิต ของเขาย่อม วิ่งพล่าน
สัตว์ เวียนว่ายไปยังสงสาร
กรรม เป็นที่พำนักของสัตว์นั้น
[๑๗๐] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังคนให้เกิด อะไรหนอของเขาย่อม วิ่งพล่าน อะไรหนอเวียนว่ายไปยังสงสาร อะไรหนอเป็นที่พำนักของสัตว์นั้น
[๑๗๑] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อม วิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร กรรมเป็นที่พำนักของสัตว์นั้น
อุปปถสูตรที่ ๘
ราคะ บัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด
วัย สิ้นไปตามคืนและวัน
หญิง เป็นมลทิน ของพรหมจรรย์
หมู่สัตว์นี้ ย่อมติด อยู่ในหญิงนี้
ตบะ และ พรหมจรรย์นั้น มิใช่น้ำ แต่เป็นเครื่องชำระล้าง
[๑๗๒] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอ บัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด อะไรหนอ สิ้นไป ตามคืนและวัน อะไรหนอเป็นมลทิน ของพรหมจรรย์ อะไรหนอมิใช่น้ำ แต่เป็นเครื่องชำระล้าง
[๑๗๓] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ราคะ บัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด วัยสิ้นไป ตามคืนและวัน หญิงเป็นมลทิน ของพรหมจรรย์ หมู่สัตว์นี้ย่อมติด อยู่ใน หญิงนี้ ตบะ และ พรหมจรรย์นั้น มิใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง
ทุติยสูตรที่ ๙
ศรัทธา เป็นเพื่อนของคน
ปัญญา ย่อมปกครองคนนั้น
สัตว์ ยินดีในพระนิพพาน จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได
[๑๗๔] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอ เป็นเพื่อนของคน อะไรหนอย่อม ปกครองคนนั้น และสัตว์ยินดีในอะไร จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
[๑๗๕] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศรัทธาเป็นเพื่อนของคน ปัญญาย่อม ปกครองคนนั้น สัตว์ยินดีในพระนิพพาน จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
กวิสูตรที่ ๑๐
ฉันท์ เป็นต้นเหตุของคาถา
อักขระ เป็นเครื่องปรากฏ (พยัญชนะ) ของคาถา
คาถา อาศัยแล้วซึ่งชื่อ
กวี เป็นที่อาศัย ของคาถา
[๑๗๖] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอ เป็นต้นเหตุของคาถา อะไรหนอเป็น เครื่อง ปรากฏ(พยัญชนะ) ของคาถาเหล่านั้น คาถาอาศัยอะไรหนอ อะไรหนอ เป็นที่อาศัยของคาถา
[๑๗๗] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ฉันท์ เป็นต้นเหตุของคาถา อักขระ เป็นเครื่องปรากฏ (พยัญชนะ) ของคาถา คาถาอาศัยแล้วซึ่งชื่อ กวีเป็นที่อาศัย ของคาถา
จบ ชราวรรค ที่ ๖
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
สูตรที่กล่าวในชราวรรคนั้น คือ ชราสูตร อชรสาสูตร มิตตสูตร วัตถุสูตร ชนสูตร ๓ สูตร อุปปถสูตร ทุติยสูตร กับกวิสูตร เต็มวรรคพอดี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- |