เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ 2455
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)

นาวาสูตรที่ ๘ บุคคลผู้เป็นดุจเรือข้ามฟาก
(พิจารณาแล้วน่าจะเป็นคำกล่าวของสาวก)

กึสีลสูตรที่ ๙ การจะบรรลุประโยชน์สูงสุดต้องประพฤติเช่นไร
(พิจารณาแล้วน่าจะเป็นคำกล่าวของสาวก)

อุฏฐานสูตรที่ ๑๐
การลุกขึ้นนั่งสมาธิ
(พิจารณาแล้วน่าจะเป็นคำกล่าวของสาวก)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๑-๓๕๒
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)

นาวาสูตรที่ ๘
บุคคลผู้เป็นดุจเรือข้ามฟาก

(พิจารณาแล้วน่าจะเป็นคำกล่าวของสาวก)

            [๓๒๕] ก็บุรุษพึงรู้แจ้งธรรมจากบุคคลใด พึงบูชาบุคคลนั้น เหมือน เทวดาบูชา พระอินทร์ ฉะนั้น

            บุคคลนั้นเป็นพหูสูต ผู้อัน เตวาสิกบูชา แล้ว มีจิตเลื่อมใสอันเตวาสิกนั้น ย่อม ชี้แจงธรรม ให้แจ่มแจ้ง บุรุษผู้มีปัญญา ไม่ประมาท คบบุคคลผู้เป็นพหูสูตเช่นนั้น กระทำ ธรรมนั้น ให้มีประโยชน์ ใคร่ครวญแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมเป็น ผู้รู้แจ่มแจ้ง แสดงธรรมแก่ผู้อื่น และเป็นผู้ ละเอียด อันเตวาสิก ซ่องเสพ

            อาจารย์ผู้ประกอบด้วยธรรมน้อย เป็นคน เขลา ผู้ยังไม่บรรลุประโยชน์ และ ฤษยา ไม่ยังธรรมให้แจ่ม แจ้งในศาสนานี้เทียว ยังข้ามความสงสัยไม่ได้ ย่อมเข้าถึง ความตาย

            บุคคลไม่ยังธรรมให้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่ใคร่ครวญเนื้อความในสำนัก แห่งบุคคล ผู้เป็น พหูสูต ทั้งหลาย ไม่รู้ด้วยตนเอง ยังข้ามความสงสัยไม่ได้ จะสามารถ ให้ผู้อื่น เพ่งพินิจ ได้อย่างไร เหมือนคน ข้ามแม่น้ำ ที่มีน้ำมาก มีกระแสไหลเชี่ยว ถูกน้ำพัด ลอยไปตาม กระแสน้ำ จะ สามารถช่วยให้ผู้อื่น ข้ามได้อย่างไร ฉะนั้น

            ผู้ใดขึ้นสู่เรือที่ มั่นคง มีพายุและถ่อพร้อมมูล ผู้นั้นรู้อุบายในเรือนั้น เป็นผู้ฉลาด มีสติ พึงช่วยผู้อื่น แม้จำนวนมากในเรือนั้นให้ ข้ามได้ แม้ฉันใด

            ผู้ใดไปด้วยมรรคญาณทั้ง ๔ อบรม ตนแล้ว เป็นพหูสูต ไม่มีความหวั่นไหว เป็นธรรมดา ผู้นั้น แลรู้ชัดอยู่ พึงยังผู้อื่นผู้ตั้งใจสดับและสมบูรณ์ด้วยธรรม อันเป็น อุปนิสัย ให้เพ่งพินิจได้ ฉันนั้น

            เพราะเหตุนั้นแล บุคคลควรคบสัปบุรุษผู้มีปัญญา เป็นพหูสูต บุคคลผู้คบ บุคคล เช่นนั้น รู้ชัด เนื้อความ แล้ว ปฏิบัติอยู่ รู้แจ้งธรรม แล้ว พึงได้ความสุข


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๒-๓๕๓
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)

กึสีลสูตรที่ ๙
การจะบรรลุประโยชน์สูงสุดต้องประพฤติเช่นไร

(พิจารณาแล้วน่าจะเป็นคำกล่าวของสาวก)

            ท่านพระสารีบุตรทูลถามด้วยคาถาว่า

            [๓๒๖] นรชนพึงมีปรกติอย่างไร มีความประพฤติอย่างไร พึงพอก พูน กรรมเป็นไฉน จึงจะเป็นผู้ดำรงอยู่โดยชอบ และพึงบรรลุถึงประโยชน์อันสูงสุดได้ พระเจ้าข้า

            พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

นรชนพึงเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญ ไม่ริษยา และเมื่อไปหาครู ก็พึงรู้จัก กาล พึงรู้จักขณะ ฟังธรรมีกถา ที่ครูกล่าวแล้ว พึงฟังสุภาษิตโดยเคารพ พึงไปหาครูผู้ นั่งอยู่ในเสนาสนะ ของตนตามกาล ทำมานะดุจเสาให้พินาศ พึงประพฤติอ่อนน้อม พึงระลึกถึงเนื้อความแห่งภาษิต

            ธรรม คือบาลี ศีล พรหมจรรย์ และพึงประพฤติโดยเอื้อเฟื้อ ด้วยดี นรชนมีธรรม เป็นที่มา ยินดี ยินดีแล้วในธรรม ตั้งอยู่ในธรรม รู้จักวินิจฉัยธรรม ไม่พึงประพฤติถ้อยคำ ที่ประทุษ ร้าย ธรรมเลย พึงให้กาลสิ้นไปด้วยภาษิตที่แท้

            นรชน ละความรื่นเริง การพูดกระซิบ ความร่ำไร ความประทุษร้าย ความ หลอกลวง ที่ทำด้วยมารยา ความยินดี ความถือตัว ความแข่งดี ความหยาบคาย และ ความหมกมุ่น ด้วยกิเลส ดุจน้ำฝาด พึงเป็นผู้ปราศจากความมัวเมา ดำรงตนมั่น เที่ยวไป

            นรชนเช่นนั้น รู้แจ้งสุภาษิตที่เป็นสาระ รู้แจ้ง สูตรและสมาธิที่เป็นสาระ ปัญญา และสุตะ ย่อมไม่เจริญ แก่นรชนผู้เป็นคนผลุนผลัน เป็นคนประมาท

            ส่วนนรชน เหล่าใด ยินดีแล้วในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้ว นรชน เหล่านั้น เป็นผู้ประเสริฐ กว่าสัตว์ที่เหลือด้วยวาจา ด้วยใจ และการงาน นรชนเหล่านั้นดำรงอยู่ ด้วยดีแล้วในสันติ โสรัจจะ และสมาธิ ได้บรรลุถึงธรรมอันเป็นสาระแห่งสติ และปัญญา


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่๓๕๔
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)

อุฏฐานสูตรที่ ๑๐
การลุกขึ้นนั่งสมาธิ

(พิจารณาแล้วน่าจะเป็นคำกล่าวของสาวก)

            [๓๒๗] เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด เธอทั้งหลายจะได้ ประโยชน์ อะไรด้วย ความหลับ เพราะความหลับจะเป็น ประโยชน์อะไรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เร่าร้อน เพราะโรค คือ กิเลสมีประการ ต่างๆ ถูกลูกศร คือ ราคะเป็นต้นแทงแล้ว ย่อยยับอยู่

            เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด จงหมั่น ศึกษาเพื่อสันติเถิด มัจจุราช อย่ารู้ว่า เธอทั้งหลาย ประมาท แล้ว ยังเธอทั้งหลายผู้ตกอยู่ในอำนาจให้ลุ่มหลงเลย เธอ ทั้งหลายจงข้ามตัณหา อันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุ ให้เทวดาและมนุษย์ ผู้มีความต้องการ อาศัยรูป เป็นต้น ดำรงอยู่ขณะ อย่าได้ล่วงเธอทั้งหลายไปเสีย

             เพราะว่าผู้ล่วงขณะเสีย แล้ว เป็นผู้ยัดเยียดกันในนรก เศร้าโศกอยู่ ความ ประมาท เป็นดุจธุลี ตกต้องแล้วเพราะความมัวเมาในปฐมวัยนอกนี้ ความประมาทเป็น ดุจธุลี ตกต้องแล้วเพราะความมัวเมาใน วัย เพราะฉะนั้น กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิต พึงถอน ลูกศร คือ กิเลสมีราคะเป็นต้นของตนเสีย ด้วยความไม่ประมาทและ ด้วยวิชชา

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์