พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๕-๓๔๖
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)
ธรรมจริยสูตรที่ ๖
ว่าด้วยการประพฤติธรรม
[๓๒๑] พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวความประพฤติทั้งที่เป็นโลกิยและ โลกุตระ ทั้งสองนี้ คือ ความประพฤติธรรม พรหมจรรย์ ว่าเป็น (แก้วอันสูงสุด) ธรรมเครื่องอยู่ อันสูงสุด ถึงแม้ บุคคล ออกบวชเป็นบรรพชิต ถ้าบุคคลนั้นเป็นชาติปากกล้า ยินดีแล้ว ในความเบียดเบียนดุจเนื้อไซร้ ความเป็นอยู่ของ บุคคลนั้นเลวทราม ย่อมยังกิเลส ธุลีมีราคะ เป็นต้นของตนให้ เจริญ
ภิกษุผู้ยินดีแล้วในความทะเลาะ ถูกธรรมคือโมหะ หุ้มห่อแล้ว ย่อมไม่รู้ธรรม ที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว แม้ อันเหล่าภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักบอกแล้ว ภิกษุผู้ถูก อวิชชา หุ้มห่อแล้ว ทำตน ที่อบรมแล้ว ให้ลำบากอยู่ ย่อมไม่รู้ความ เศร้าหมอง ย่อมไม่รู้ทางอันให้ถึงนรก เมื่อไม่รู้ ก็เข้าถึง วินิบาต เข้าถึงครรภ์จากครรภ์ เข้าถึง ที่มืดจากที่มืด (ไม่ใช่ภาษาของพระศาสดา เป็นภาษาของสาวก)
ภิกษุผู้ เช่นนั้นแล ละไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความทุกข์ ก็บุคคลใดผู้ มีการงาน เศร้าหมอง เห็นปานนี้ ตลอดกาลนาน พึงเป็นผู้เต็ม แล้วด้วยบาป เหมือนหลุมคูถ ที่เต็มอยู่นานปี พึงเป็นหลุม เต็มด้วยคูถ ฉะนั้น บุคคลนั้นเป็นผู้มีกิเลสเครื่องยียวน หมดจด ได้โดยยาก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงรู้จัก บุคคลผู้อาศัยเรือน ผู้มีความปรารถนา ลามก ผู้มีความดำริ ลามก ผู้มีอาจาระและโคจรลามกเห็นปานนี้ เธอทั้งปวงพึง เป็นผู้ พร้อม เพรียงกัน เว้นบุคคลนั้นเสีย จงกำจัดบุคคลผู้เป็น เพียงดังแกลบ จงคร่าบุคคล ผู้เป็นเพียงดังหยากเยื่อออกเสีย แต่นั้นจงขับ บุคคลลีบผู้ไม่ใช่สมณะ แต่มีความสำคัญ ว่าเป็น สมณะไปเสีย
ครั้นกำจัดบุคคลผู้มีความปรารถนาลามก มี อาจาระและโคจรลามกออกไปแล้ว เธอทั้งหลาย ผู้บริสุทธิ์ แล้ว มีความเคารพกันและกัน จงสำเร็จการอยู่ร่วมด้วย บุคคล ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย แต่นั้น เธอทั้งหลายผู้พร้อมเพรียง กัน มีปัญญาเครื่องรักษาตน จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๗-๓๕๑
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)
พราหมณธรรมิกสูตรที่ ๗
ว่าด้วยธรรมของพราหมณ์ที่แท้จริง
[๓๒๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พราหมณ์มหาศาลชาวแคว้นโกศลเป็นอันมาก ผู้แก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้สนทนาปราศรัย กับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถาม พระผู้มีพระภาค ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ บัดนี้ พวกพราหมณ์ย่อมปรากฏ ใน พราหมณธรรม ของพวกพราหมณ์เก่าหรือ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ทั้งหลาย บัดนี้ พวกพราหมณ์ หาปรากฏในพราหมณธรรมของพวก พราหมณ์เก่าไม่
พ. ขอประทานพระวโรกาส ขอท่านพระโคดม โปรดตรัส พราหมณธรรม ของพวก พราหมณ์เก่า แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด ถ้าท่านพระโคดมไม่มีความ หนักพระทัย
ภ. ดูกรพราหมณ์ ทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงตั้งใจ จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสคาถาประพันธ์นี้ว่า
[๓๒๓] ฤาษีทั้งหลายมีในครั้งก่อน สำรวมตน มีตบะ ละเบญจกามคุณแล้ว ได้ประพฤติ ประโยชน์ ของตนๆ พวกพราหมณ์ แต่เก่าก่อนไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งของต่างๆ พราหมณ์เหล่านั้น มีทรัพย์และข้าวเปลือกอันเป็นส่วนแห่ง การ สาธยายมนต์ ได้รักษาขุมทรัพย์อันประเสริฐไว้ ภัตที่ประตูเรือนทายกทั้งหลาย เริ่มทำ ตั้งไว้แล้วเพื่อพราหมณ์ เหล่านั้น ทายกทั้งหลายได้สำคัญภัตนั้นว่า เป็นของที่ตน ควรให้ แก่พราหมณ์เหล่านั้น
ผู้แสวงหาภัตที่เริ่มทำไว้แล้วด้วย ศรัทธา ชาวชนบท ชาวแว่นแคว้น ผู้มั่งคั่ง ด้วยผ้า ที่ย้อม ด้วยสี ต่างๆ และด้วยที่นอนและที่อยู่ ได้นอบน้อมพราหมณ์ เหล่านั้น พราหมณ์ ทั้งหลาย ผู้อันธรรม รักษาแล้ว ใครๆ ไม่ พึงฆ่า ไม่พึงชนะ ใครๆ ไม่ห้าม พราหมณ์ เหล่านั้น ที่ ประตูแห่งสกุลทั้งหลาย โดยประการทั้งปวง
พราหมณ์เหล่า นั้นประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เป็นเด็กมาตลอดเวลาสี่สิบแปด ปี ได้เที่ยวไปแสวงหา วิชชา และ จรณะในกาลก่อน พราหมณ์ เหล่านั้นไม่ไปหาหญิงอื่น ทั้งไม่ซื้อภรรยา อยู่ร่วมกันเพราะความรัก ชอบใจเสมอกันเท่านั้น พราหมณ์ผู้เป็นสามี ย่อม ไม่ร่วมกับภรรยาผู้เว้นจากฤดู นอกจากสมัย ที่ควรจะร่วม พราหมณ์ย่อมไม่ร่วม เมถุนธรรมในระหว่างโดยแท้
พราหมณ์ ทั้งหลายสรรเสริญพรหมจรรย์ ศีล ความเป็นผู้ซื่อตรง ความ อ่อนโยน ตบะความ สงบเสงี่ยม และความไม่เบียดเบียน และ แม้ความอดทน
พราหมณ์ผู้เสมอด้วยพรหม ผู้มีความบาก บั่นมั่นคง เป็นผู้สูงสุดกว่าพราหมณ์ เหล่านั้น และพราหมณ์ นั้นย่อมไม่เสพเมถุนธรรมโดยที่สุดความฝัน
พราหมณ์บาง พวก ผู้มีชาติแห่งบุคคลผู้รู้แจ้งในโลกนี้ศึกษาตามวัตรของ พราหมณ์ ผู้เสมอ ด้วยพรหมนั้นอยู่ ได้สรรเสริญพรหมจรรย์ ศีลและแม้ขันติ
พราหมณ์ทั้งหลายขอข้าวสาร ที่นอน ผ้า เนยใสและน้ำมัน แล้วรวบรวมไว้ โดยธรรม ได้กระทำยัญ คือ ทานแต่วัตถุ มีข้าวสารเป็นต้นที่เขาให้แล้วนั้น ในยัญที่ตน ตั้งไว้
พราหมณ์เหล่านั้นไม่ฆ่าแม่โคเลย มารดา บิดา พี่น้อง ชายหรือญาติเหล่าอื่น มิตรผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ฆ่าแม่โค ซึ่งเป็นที่เกิด แห่งปัญจโครสอันเป็นยา ฉันใด แม่โคเหล่านี้ ให้ข้าว ให้ กำลัง ให้วรรณะ และให้ความสุข
พราหมณ์เหล่านั้น ทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว จึงไม่ฆ่าแม่โคเลย ฉันนั้น พราหมณ์ ทั้งหลาย ผู้ละเอียดอ่อน มีร่างกายใหญ่ มีวรรณะ มียศ ขวนขวายในกิจ น้อยใหญ่ โดยธรรมของตน ได้ ประพฤติแล้วด้วยข้อปฏิบัติอันเป็นเหตุให้หมู่สัตว์นี้ ถึงความ สุขในโลก ความวิปลาสได้มีแก่พราหมณ์ เหล่านั้น เพราะ ได้เห็นกามสุขอัน (ลามก) น้อย ที่เกิดขึ้นจากกามคุณ อันเป็นของ (ลามก) น้อย
พราหมณ์ทั้งหลายได้ ปรารถนาเพ่งเล็งสมบัติของพระราชา เหล่านารีที่ประดับ ดีแล้ว รถเทียมด้วย ม้าอาชาไนย ที่สร้างตกแต่งไว้เป็นอย่างดี มีการขลิบอันวิจิตร พื้นที่เรือน เรือนที่สร้างกั้นเป็นห้องๆ และโภคสมบัติซึ่งเป็นของมนุษย์อันโอฬาร เกลื่อนกล่นไป ด้วยฝูงโค ประกอบไปด้วยหมู่นารีผู้ประเสริฐ
พราหมณ์เหล่านั้น ผูกมนต์ในที่นั้นแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าโอกกากราช ในกาลนั้น กราบทูล ว่า พระองค์มีทรัพย์และข้าวเปลือก มากมาย ขอเชิญพระองค์ ทรงบูชายัญเถิด พระราชทรัพย์ เครื่องปลื้มใจของพระองค์มีมาก
ลำดับนั้นแล พราหมณ์ ทั้งหลายยังพระราชาผู้ประเสริฐ ให้ทรงยินยอมบูชายัญ อัสสเมธะ ปุริสเมธะ (สัมมาปาสะ) วาชเปยยะ นิรัคคฬะ พระราชาทรงบูชายัญเหล่านี้แล้ว ได้พระราชาทานทรัพย์แก่ พราหมณ์ทั้งหลาย คือ แม่โค ที่นอน ผ้า เหล่านารีที่ ประดับ ดีแล้ว รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ที่สร้างตกแต่งไว้ เป็นอย่างดี มีการขลิบอันวิจิตร รับสั่งให้เอาธัญชาติต่างๆ บรรจุเรือนที่น่ารื่นรมย์ อันกั้นไว้เป็นห้องๆ จนเต็มทุกห้อง แล้วได้พระราชทานทรัพย์แก่พราหมณ์ทั้งหลาย
ก็พราหมณ์ เหล่านั้นได้ทรัพย์ในที่นั้นแล้ว ชอบใจการสั่งสมเสมอ ตัณหาย่อม เจริญยิ่ง แก่พราหมณ์ เหล่านั้น ผู้มีความปรารถนา อันหยั่งลงแล้ว
พราหมณ์เหล่านั้นผูกมนต์ในที่นั้นแล้ว ได้ เข้าเฝ้าพระเจ้าโอกกากราชอีก กราบทูลว่า แม่โคทั้งหลาย เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์สำหรับรับใช้ในสรรพกิจของมนุษย์ เหมือนน้ำ แผ่นดิน เงิน ทรัพย์ และข้าวเหนียว ฉะนั้น เพราะว่าน้ำเป็นต้นนั้นเป็นเครื่องใช้ ของ สัตว์ทั้งหลาย ขอ พระองค์ทรง บูชายัญเถิด ราชสมบัติของพระองค์มีมาก ขอ เชิญ พระองค์ทรงบูชายัญเถิด พระราชทรัพย์ของ พระองค์มี มาก
ลำดับนั้นแล พราหมณ์ทั้งหลายยังพระราชาผู้ประเสริฐ ให้ทรงยินยอม บูชายัญแล้ว ในการบูชายัญ พระราชาทรง รับสั่งให้ฆ่าแม่โคหลายแสนตัว แม่โค ทั้งหลายเสมอ ด้วยแพะ สงบเสงี่ยม ถูกเขารีดนม ด้วยหม้อ ย่อมไม่เบียดเบียนด้วยเท้า ด้วยเขา ด้วยอวัยวะอะไรๆ โดยแท้ พระราชารับสั่งให้ จับแม่โค เหล่านั้นที่เขาแล้วให้ฆ่า ด้วยศาตรา
ลำดับนั้น เทวดา พระอินทร์ พระพรหม อสูรและผีเสื้อน้ำ ต่างเปล่ง วาจาว่า มนุษย์ไม่มี ธรรม แล่นไปเพราะศาตราตกลงที่แม่โค โรคสามชนิด คือ ความปรารถนา ๑ อนสนัญชรา ๑ (ความแก่หง่อม) ๑ ความปรารภสัตว์ของเลี้ยง ๑ ได้มีในกาล ก่อน ได้แพร่โรคออกเป็น ๙๘ ชนิด
บรรดาอาชญาทั้งหลาย อธรรมนี้เป็นของเก่า เป็นไปแล้ว แม่โคทั้งหลายผู้ไม่ ประทุษร้าย ย่อมถูกฆ่า คนผู้บูชายัญทั้งหลายย่อมเสื่อมจาก ธรรม ธรรมอันเลวทรามนี้ เป็นของเก่า วิญญูชนติเตียนแล้ว อย่างนี้
วิญญูชนเห็นธรรมอันเลวทรามเช่นนี้ในที่ใด ย่อม ติเตียนคนผู้บูชายัญ ในที่นั้นเมื่อธรรม ของพราหมณ์เก่า ฉิบหาย แล้วอย่างนี้ศูทรและแพศย์แตกกันแล้ว กษัตริย์เป็นอันมาก แตกกันแล้ว ภรรยาดูหมิ่นสามี
กษัตริย์พราหมณ์ผู้เป็นเผ่า พันธุ์แห่งพรหม แพศย์และศูทรเหล่าอื่น ผู้อันโคตร รักษา แล้วทำวาทะ ว่าชาติให้ฉิบหายแล้ว ได้ตกอยู่ในอำนาจแห่ง กามทั้งหลาย
[๓๒๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้น ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศ ธรรม โดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของคว่ำ เปิดของที่ปิดบอกทางแก่ผู้หลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าคนมีจักษุจักเห็นรูป
ฉะนั้นข้าพระองค์เหล่านี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ กับทั้งพระธรรม และ พระภิกษุสงฆ์ว่า เป็นสรณะ ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระองค์เหล่านี้ว่า เป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอด ชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป
|