เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อามคันธสูตรที่ ๒ ว่าด้วยสิ่งที่มีกลิ่นดิบ (เป็นสาวกภาษิต) หิริสูตรที่ ๓ ว่าด้วยความละอาย (สาวกภาษิต) 2452
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)


อามคันธสูตรที่ ๒ ว่าด้วยสิ่งที่มีกลิ่นดิบ (สาวกภาษิต - แต่งใหม่)
ติสสดาบส ทูลถามพระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสป (พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ในยุคที่มนุษย์มีอายุ 10,000 ปี ) พระสูตรนี้น่าจะเป็นเรื่องนอกคำสอนของพระศาสดา เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา เป็นสาวก ภาษิต ไม่ใช่ตถาคตภาษิต และเรื่อง สิ่งที่มีกลิ่นดิบ เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้ายุคปัจจุบัน (โคดม) เคยกล่าวที่ใดมาก่อน
(ฉบับมหาจุฬาแปลสิ่งที่มีกลิ่นดิบว่า "กลิ่นดิบ ในที่นี้หมายถึงอาหารจำพวกปลาและเนื้อสัตว์" ซึ่งแปลตามอรรถกถา)


หิริสูตรที่ ๓
ว่าด้วยความละอาย (สาวกภาษิต - แต่งใหม่)
เป็นสาวกภาษิต หรือคำสอนของสาวก ไม่มีที่มาที่ไป ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ภาษิต และกล่าวกะใคร เป็นคำพูดแบบลอยๆ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะการบัญญัติของพระศาสดาที่สมบูรณ์ทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๓๙-๓๔๒
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)

อามคันธสูตรที่ ๒
ว่าด้วยสิ่งที่มีกลิ่นดิบ

ติสสดาบส ทูลถามพระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสป ด้วยคาถาความว่า

            [๓๑๕] สัตบุรุษทั้งหลายบริโภคข้าวฟ่าง ลูกเดือย ถั่วเขียว ใบ ไม้ เหง้ามัน และผลไม้ ที่ได้แล้ว โดยธรรม หาปรารถนา กามกล่าวคำเหลาะแหละไม่ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสป พระองค์เมื่อเสวยเนื้อชนิดใดที่ผู้อื่นทำสำเร็จ ดีแล้ว ตบแต่งไว้ถวาย อย่างประณีต เมื่อเสวยข้าวสุก แห่งข้าวสาลี ก็ชื่อว่าย่อมเสวย กลิ่นดิบ

            ข้าแต่พระองค์ ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพรหม พระองค์ตรัสอย่างนี้ว่า กลิ่น ดิบ ย่อมไม่ควร แก่เรา แต่ยังเสวยข้าวสุกแห่งข้าวสาลีกับ เนื้อนกที่บุคคลปรุงดีแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระนาม ว่ากัสสป ข้าพระองค์ขอทูลถามความข้อนี้กะพระองค์ว่า กลิ่นดิบของพระองค์มีประการอย่างไร

            พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสป ตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า การฆ่าสัตว์ การทุบตี การตัด การจองจำ การลัก การพูด เท็จ การกระทำด้วยความหวัง การหลอกลวง การเรียนคัมภีร์ที่ ไร้ประโยชน์ และการคบหาภรรยาผู้อื่น นี้ ชื่อว่ากลิ่นดิบ เนื้อและ โภชนะไม่ชื่อว่ากลิ่นดิบเลย ชน เหล่าใดในโลกนี้ ไม่สำรวมในกามทั้งหลาย ยินดีใน รสทั้งหลาย เจือปนไปด้วยของไม่สะอาด มีความเห็น ว่าทานที่บุคคลให้แล้ว ไม่มีผล มีการงานไม่เสมอ

            บุคคล พึงแนะนำได้โดยยากนี้ ชื่อว่ากลิ่นดิบของชนเหล่านั้น เนื้อ และโภชนะ ไม่ชื่อว่า เป็นกลิ่นดิบ เลย ชนเหล่าใดผู้เศร้า หมอง หยาบช้า หน้าไหว้หลังหลอก ประทุษร้ายมิตร ไม่มีความกรุณา มีมานะจัด มีปกติไม่ให้ และไม่ให้อะไรๆ แก่ใครๆ นี้ชื่อว่ากลิ่นดิบ ของชนเหล่านั้น เนื้อและโภชนะ ไม่ชื่อว่ากลิ่นดิบเลย ความโกรธ ความมัวเมา ความ เป็นคนหัวดื้อ ความตั้งอยู่ผิด มายา ฤษยา ความยกตน ความถือตัว ความดูหมิ่น และความสนิทสนมด้วยอสัต บุรุษทั้งหลาย นี้ชื่อว่ากลิ่นดิบ เนื้อและโภชนะ ไม่ชื่อว่ากลิ่นดิบเลย

            ชนเหล่าใดในโลกนี้ มีปรกติประพฤติ ลามก กู้หนี้มาแล้วไม่ใช้ พูดเสียดสี พูดโกง เป็นคน เทียม เป็นคนต่ำทราม กระทำกรรมหยาบช้า นี้ชื่อว่า กลิ่นดิบของชน เหล่านั้น เนื้อและโภชนะไม่ชื่อว่า กลิ่นดิบ เลย ชนเหล่าใดในโลกนี้ ไม่สำรวมในสัตว์ ทั้งหลาย ชักชวน ผู้อื่นประกอบการเบียดเบียน ทุศีล ร้ายกาจ หยาบคาย ไม่เอื้อเฟื้อ นี้ชื่อว่ากลิ่นดิบของชนเหล่านั้น เนื้อและ โภชนะไม่ชื่อว่า กลิ่นดิบเลย

            สัตว์เหล่าใดกำหนัดแล้วใน สัตว์เหล่านี้ โกรธเคือง ฆ่าสัตว์ ขวนขวายในอกุศล เป็นนิตย์ ตายไปแล้วย่อมถึงที่มืด มีหัวลงตกไปสู่นรก นี้ ชื่อว่ากลิ่นดิบของชนเหล่านั้น เนื้อและโภชนะ ไม่ชื่อว่า กลิ่นดิบเลย การไม่กินปลาและเนื้อ ความเป็นคน ประพฤติ เปลือย ความเป็นคนโล้น การเกล้าชฎา ความ เป็นผู้หมักหมมด้วยธุลี

            การครองหนังเสือพร้อมทั้งเล็บ การบำเรอไฟ หรือแม้ว่าความเศร้าหมอง ในกาย ที่เป็นไป ด้วยความปรารถนา ความเป็นเทวดา การย่างกิเลสเป็นอัน มากในโลก มนต์และการ เซ่นสรวง ยัญและการซ่อง เสพฤดู ย่อมไม่ยังสัตว์ผู้ไม่ข้ามพ้นความสงสัย ให้หมดจด ได้

            ผู้ใด คุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหกเหล่านั้น รู้แจ้งอินทรีย์ แล้ว ตั้งอยู่ในธรรม ยินดี ในความเป็นคน ตรงและอ่อน โยน ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้องเสียได้ ละทุกข์ได้ ทั้งหมด ผู้นั้นเป็นนักปราชญ์ ไม่ติดอยู่ ในธรรมที่เห็นแล้ว และ ฟังแล้ว

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสบอกความข้อนี้บ่อยๆ ด้วยประการ ฉะนี้ ติสสดาบส ผู้ถึงฝั่ง แห่งมนต์ ได้ทราบความข้อนั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคผู้เป็นมุนี ทรงประกาศด้วย พระคาถา ทั้งหลาย อันวิจิตรว่า

            บุคคลผู้ที่ไม่มีกลิ่นดิบ ผู้อันตัณหา และทิฐิไม่อาศัยแล้ว ตามรู้ได้ยาก ติสสดาบส ฟังบท สุภาษิต ซึ่งไม่มีกลิ่นดิบ อันเป็นเครื่องบรรเทาเสียซึ่งทุกข์ ทั้งปวง ของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นผู้มีใจนอบน้อม ถวายบังคมพระบาทของตถาคต ได้ทูลขอ บรรพชา ที่อาสนะ นั่นแล


--------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๒
๒ จูฬวรรค (หมวดว่าด้วยเรื่องเล็กน้อย)

หิริสูตรที่ ๓
ว่าด้วยความละอาย

            [๓๑๖] บุคคลผู้ไม่มีหิริ เกลียดหิริ กล่าวอยู่ว่าเราเป็นเพื่อน ของท่าน ไม่เอื้อเฟื้อการงาน แห่งมิตร ของตน พึงรู้ว่า นั่น ไม่ใช่มิตรของเรา มิตรใดพูดวาจาน่ารัก แต่ไม่ประกอบ ด้วยประโยชน์ในมิตร ทั้งหลาย บัณฑิตย่อมกำหนดรู้ผู้นั้น ว่าไม่ทำตาม คำพูด มิตรใด หวังความแตกกัน ไม่ประมาท คอยหาความผิดเท่านั้น มิตรนั้นไม่ควรเสพ ส่วนมิตรที่ วางใจได้ เหมือนบุตรที่เกิดแต่อก ซึ่งผู้อื่นกล่าวเหตุตั้ง ร้อยอย่างพันอย่าง ก็ให้แตกกัน ไม่ได้

            มิตรนั้นแลควรเสพ ความเพียร อันเป็นเหตุกระทำความปราโมทย์ นำความ สรรเสริญ มาให้ นำสุขมาให้ ผลานิสงส์อันนำธุระสมควร แก่บุรุษไปอยู่ ย่อมเจริญ บุคคลดื่มรสแห่ง ความอิ่ม เอิบในธรรม ดื่มรสอันเกิดแต่ความสงัดกิเลสและรสแห่ง ความสงบแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่มีความ กระวนกระวายไม่มีบาป





 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์