พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๑๖-๓๑๙
ปราภวสูตรที่ ๖
ทางแห่งความเสื่อม ๑๒ ประการ
(พระผู้มีพระภาคตรัสกับเทวดา)
[๓๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม ของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามสิ้นไปแล้ว เทวดาตนหนึ่ง มีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้น ให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
[๓๐๔] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถามถึงคนผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ กะท่าน พระโคดม จึงขอทูลถามว่าอะไรเป็นทางของคนเสื่อม พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม
เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด ข้อนี้เถิดว่าความ เสื่อมนั้นเป็นที่ ๑
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๒ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจ ธรรมของ อสัตบุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ นั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น เป็นที่ ๒
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของ คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัย หนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ นั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น เป็นที่ ๔
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท ข้อนั้นเป็นทางของ คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖ อะไรเป็นทาง ของ คนเสื่อม คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของ คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่นญาติ ของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ เหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม นั้น เป็นที่ ๗
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา และเป็นนักเลง การพนันผลาญทรัพย์ ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม นั้นเป็นที่ ๘
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่น เหมือน ประทุษร้าย ในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ ชัด ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม นั้นเป็นที่ ๙
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความ หึงหวง หญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้ เถิดว่า ความเสื่อมนั้น เป็นที่ ๑๐
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๑ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือแม้ชาย เช่นนั้นไว้ในความ เป็นใหญ่ ข้อนั้น เป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น เป็นที่ ๑๑
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ ปรารถนา ราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม บัณฑิตผู้ถึง พร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* พระสูตรนี้ไม่น่าจะเป็นสาวกภาษิต ไม่ใช่ตถาคตภาษิต
โดยเฉพาะข้อ ๑๐ ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ถือเป็นทางแห่งความเสื่อมจริงหรือ ย้อนแย้งกับ สมชีวิสูตร ๑ (คู่บุพเพสันนิวาส) มีศรัทธา มีศีล มีจาคะ มีปัญญาเสมอกัน และการใช้ ภาษา ก็ไม่น่าจะเป็นภาษาของพระพุทธเจ้าที่ม่ีความไพเราะ สมบูรณ์ทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ |