พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๘
๑. พราหมณสูตร
[๒๘๐] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราเป็นพราหมณ์ผู้ควรด้วยการขอ มีมืออันล้างแล้วทุกเมื่อ ทรงไว้ซึ่งร่างกาย อันม ีในที่สุด เป็นหมอผ่าตัดกิเลส เธอทั้งหลายเป็นบุตรผู้เนื่องในอกเรา เกิดแต่ปาก เกิดแต่ธรรม อันธรรมนิรมิตแล้ว เป็นทายาทแห่งธรรม ไม่เป็นทายาทแห่งอามิส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๒ อย่างนี้ คือ อามิสทาน ๑ ธรรมทาน ๑ บรรดาทาน ๒ อย่างนี้ ธรรมทานเป็นเลิศ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การแจกจ่าย ๒ อย่างนี้ คือ การแจกจ่ายอามิส ๑ การแจกจ่ายธรรม ๑ บรรดาการแจกจ่าย ๒ อย่างนี้ การแจกจ่ายธรรมเป็นเลิศ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้ คือ การอนุเคราะห์ด้วยอามิส ๑ การอนุเคราะห์ด้วยธรรม ๑ บรรดาการอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้ การอนุเคราะห์ด้วยธรรม เป็นเลิศ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบูชา ๒ อย่างนี้ คือ การบูชาด้วยอามิส ๑ การบูชาด้วย ธรรม ๑ บรรดาการบูชา ๒ อย่างนี้ การบูชาด้วยธรรมเป็นเลิศ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาค ตรัส คาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า
สัตว์ทั้งหลายย่อมนอบน้อม พระตถาคตผู้ได้บูชาธรรม ผู้ไม่มี ความตระหนี่ ผู้มีปรกติอนุเคราะห์สัตว์ทุกหมู่เหล่า ผู้ ประเสริฐสุดในเทวดาและมนุษย์ ผู้ถึงฝั่งแห่ง ภพเช่นนั้น
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๙
๒. จัตตาริสูตร
[๒๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยน้อย หาได้ง่าย และไม่มีโทษ ๔ อย่างนี้ ๔ อย่างเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
-
บรรดาจีวร ผ้าบังสุกุล น้อย หาได้ง่ายและไม่มีโทษ
-
บรรดา โภชนะ คำข้าวที่ได้ด้วยปลีแข็ง น้อย หาได้ง่ายและไม่มีโทษ
-
บรรดาเสนาสนะ โคนไม้ น้อย หาได้ง่ายและไม่มีโทษ
-
บรรดาเภสัช มูตรเน่า น้อยหาได้ง่ายและไม่มีโทษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัย น้อย หาได้ง่ายและไม่มีโทษ ๔ อย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ของภิกษุซึ่งเป็นผู้สันโดษ ด้วยปัจจัยที่น้อย หาได้ง่าย และไม่มีโทษ ว่าเป็นองค์แห่งความเป็นสมณะ
ความคับแค้นแห่งจิต ย่อมไม่มีแก่ภิกษุผู้สันโดษด้วยปัจจัย น้อย หาได้ง่ายและ ไม่มีโทษ เพราะปรารภเสนาสนะ จีวร ปานะและโภชนะ ทิศของเธอชื่อว่าไม่กระทบ กระเทือน ภิกษุผู้สันโดษ ไม่ประมาท ยึดเหนี่ยวเอาไว้ได้ซึ่งธรรมอัน สมควรแก่ธรรม เครื่องความเป็นสมณะ ที่พระตถาคตตรัสบอก แล้วแก่เธอ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๙-๒๙๐
๓. ชานสูตร
[๒๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ของภิกษุผู้รู้เห็นอยู่
เราไม่กล่าวความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลาย ของภิกษุผู้ไม่รู้ไม่เห็น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อภิกษุรู้อะไร เห็นอะไร อาสวะทั้งหลายจึงสิ้นไป เมื่อภิกษุรู้อยู่ เห็นอยู่ว่า นี้ทุกข์ อาสวะทั้งหลายจึงสิ้นไป เมื่อภิกษุรู้อยู่เห็นอยู่นี้ ทุกขสมุทัย อาสวะ ทั้งหลาย จึงสิ้นไป เมื่อภิกษุรู้อยู่เห็นอยู่ว่า นี้ทุกขนิโรธอาสวะ ทั้งหลายจึงสิ้นไป เมื่อ ภิกษุรู้อยู่ เห็นอยู่ว่า นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอาสวะทั้งหลาย จึงสิ้นไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรู้อยู่เห็นอยู่อย่างนี้แล อาสวะทั้งหลายจึงสิ้นไป
ปฐมญาณ (คืออนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์) ย่อมเกิดขึ้นแก่ พระเสขะ ผู้ศึกษา อยู่ ผู้ปฏิบัติตามทางตรง ในเพราะ โสดาปัตติมรรค อันเป็นเครื่องทำกิเลสทั้งหลาย ให้สิ้นไป ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึง (คืออัญญินทรีย์) อันยอดเยี่ยม ย่อมเกิดขึ้นใน ลำดับแต่ ปฐมญาณนั้น แต่ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึง คือ อัญญินทรีย์ นั้นไป วิมุตติญาณอันสูงสุด ย่อม เกิดขึ้นแก่พระขีณาสพ ผู้พ้นวิเศษแล้ว ญาณในอริยมรรคอันเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะ และสังโยชน์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้นว่า สังโยชน์ทั้งหลายสิ้น ไปแล้ว คนพาลผู้เกียจคร้าน ไม่รู้แจ้ง ไม่พึงบรรลุนิพพาน อันเป็นที่ปลดเปลื้องกิเลส เครื่องร้อยรัดทั้งปวงนี้ได้เลย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๐-๒๙๑
๔. สมณสูตร
[๒๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เราหายกย่องว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะ หรือว่าเป็น พราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ไม่ และท่านเหล่านั้นหาได้ทำให้แจ้งซึ่งผล คือ ความเป็น สมณะ และผล คือความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ไม่
ส่วนสมณะ หรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ก็สมณะ หรือ พราหมณ์ เหล่านั้นแล เรายกย่องว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ และยกย่องว่าเป็นพราหมณ์ ในหมู่ พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมกระทำให้แจ้ง ซึ่งผลคือความเป็นสมณะ และผลคือ ความเป็นพราหมณ์ด้วยปัญญา อันยิ่งในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดซึ่งทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ดับ ทุกข์ ไม่มีส่วนเหลือโดยประการทั้งปวง และไม่รู้ชัดซึ่งมรรคอันให้ถึงความสงบแห่งทุกข์ สมณ พราหมณ์เหล่านั้น เสื่อมแล้วจากเจโตวิมุติและจากปัญญาวิมุติ เป็นผู้ไม่ควร เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ สมณพราหมณ์เหล่านั้น แล เป็นผู้เข้าถึงชาติและชรา
ส่วนสมณพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดซึ่งทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ ดับแห่งทุกข์ ไม่มีส่วนเหลือโดยประการทั้งปวง และรู้ชัดซึ่งมรรคอันให้ถึง ความสงบ แห่งทุกข์ สมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงพร้อมด้วย เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ เป็นผู้ควร เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ สมณพราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้ไม่เข้าถึงชาติและชรา
|