พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๑
๘. มุนีสูตร
[๒๔๕] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้รู้ ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑
ความเป็นผู้รู้ทางกาย
๒
ความเป็นผู้รู้ทางวาจา
๓ ความเป็นผู้รู้ทางใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้รู้ ๓ อย่างนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า พระอริยเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้กล่าวบุคคล ผู้รู้ทางกาย ผู้รู้ทางวาจา ผู้รู้ทางใจ ผู้หาอาสวะมิได้ ว่าเป็นมุนี ผู้ถึงพร้อมด้วยความเป็นมุนี มีบาป อันล้างแล้ว
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๑-๒๕๒
๙. ราคสูตรที่ ๑
[๒๔๖] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ราคะ โทสะ โมหะ บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งยังไม่ละได้แล้วบุคคลผู้นี้เรากล่าวว่า เป็นผู้อันมาร ผูกไว้แล้ว สวมบ่วงแล้ว และถูกมารผู้มีบาปพึงกระทำได้ตามความพอใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ราคะ โทสะ โมหะบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งละได้แล้ว บุคคลผู้นี้ เรากล่าวว่า มารผูกไม่ได้ สวมบ่วงไม่ได้และมารผู้มีบาปกระทำตามความพอใจไม่ได้
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า พระอริยเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้กล่าวบุคคล ผู้สำรอกราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว ผู้มีตน อันอบรมแล้ว ผู้ใดผู้หนึ่ง ว่าเป็นผู้ประเสริฐ ผู้ไปแล้ว อย่างนั้น ผู้ตรัสรู้แล้ว ผู้ล่วงเวรและภัย ผู้ละกิเลส ทั้งปวงเสียได้
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๒-๒๕๓
๑๐. ราคสูตรที่ ๒
[๒๔๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ราคะ โทสะ โมหะ ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม ยังละไม่ได้แล้ว ผู้นี้เรากล่าวว่า ข้ามสมุทรที่มีคลื่น มีระลอก มีน้ำวนมีสัตว์ร้าย มีผีเสื้อน้ำไม่ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ราคะ โทสะ โมหะผู้ใดผู้หนึ่งเป็นภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม ละได้แล้ว ผู้นี้เรากล่าวว่า ข้ามพ้นสมุทรที่มีคลื่น มีระลอก มีน้ำวน มีสัตว์ร้าย มีผีเสื้อน้ำได้แล้ว ข้ามถึงฝั่งตั้งอยู่บนบก
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า เรากล่าวว่า ผู้ใดสำรอกราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว ผู้นั้นข้ามพ้น สมุทร ที่มีสัตว์ร้าย มีผีเสื้อน้ำ มีคลื่น น่าพึงกลัว ข้ามได้โดยยาก ได้แล้ว ผู้นั้นล่วงธรรม เป็นเครื่องข้อง ละมัจจุราช หาอุปธิมิได้ ละทุกข์เพื่อความ ไม่เกิดอีก ถึงความสาบสูญ แล้ว ย่อมไม่เข้าถึงการนับ ยังมัจจุราชให้หลงได้แล้ว
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล |