เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อาสวสูตร กิเลสในสันดาน กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ, ตัณหาสูตร ตัณหา ๓ มารเธยยสูตร 2426
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

๘. อาสวสูตรที่ ๒ กิเลสในสันดาน
อาสวะ ๓ ประการเป็นไฉน
   ๑ กามาสวะ
   ๒ ภวาสวะ
   ๒ อวิชชาสวะ
ภิกษุใดมีกามาสวะสิ้นไปแล้ว สำรอกอวิชชาออกได้แล้ว และมี ภวาสวะ หมดสิ้นแล้ว ภิกษุนั้น พ้นวิเศษแล้ว หาอุปธิ มิได้ ชนะมารพร้อมด้วยพาหนะแล้ว ย่อมทรงไว้ซึ่งร่างกาย อันมีในที่สุด

๙. ตัณหาสูตร
ตัณหา ๓ ประการเป็นไฉน
   ๑ กามตัณหา
   ๒ ภวตัณหา
   ๓ วิภวตัณหา

สัตว์เหล่าใดละตัณหาได้ขาด ปราศจากตัณหาในภพน้อย และภพใหญ่ ถึงแล้ว ซึ่ง ความสิ้นไป แห่งอาสวะ สัตว์เหล่านั้นแล ถึงฝั่งแล้วในโลก

๑๐. มารเธยยสูตร ธรรมที่เป็นเหตุให้ล่วงพ้นบ่วงมาร
ธรรม ๓ ประการ ก้าวล่วงบ่วงแห่งมารแล้วย่อมรุ่งเรืองดุจอาทิตย์
   ๑ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยศีลขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ
   ๒ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยสมาธิขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ
   ๓ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยปัญญาขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๒-๒๔๓

๘. อาสวสูตรที่ ๒
กิเลสในสันดาน

            [๒๓๕] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาสวะ ๓ ประการ นี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ กามาสวะ
๒ ภวาสวะ
๒ อวิชชาสวะ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาสวะ ๓ ประการนี้แล

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ภิกษุใดมีกามาสวะสิ้นไปแล้ว สำรอกอวิชชาออกได้แล้ว และมี ภวาสวะ หมดสิ้นแล้ว ภิกษุนั้นพ้นวิเศษแล้ว หาอุปธิ มิได้ ชนะมารพร้อมด้วยพาหนะแล้ว ย่อมทรงไว้ซึ่งร่างกาย อันมีในที่สุด

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล

อาสวะ หมายถึงกิเลสที่หมักหมม หรือดองอยู่ในสันดาน


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่
๒๔๓-๒๔๔

๙. ตัณหาสูตร

            [๒๓๖] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ ประการ นี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ กามตัณหา
๒ ภวตัณหา
๓ วิภวตัณหา


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ ประการนี้แล

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ชนทั้งหลาย ประกอบแล้วด้วยตัณหา เครื่องประกอบสัตว์ไว้ มีจิตยินดี แล้วในภพน้อย และภพใหญ่ ชนเหล่านั้นประกอบแล้วด้วยโยคะ คือ บ่วงแห่งมาร เป็นผู้ไม่มีความเกษมจาก โยคะ สัตว์ทั้งหลายผู้ถึงชาติและมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร ส่วนสัตว์เหล่าใดละตัณหาได้ขาด ปราศจากตัณหาในภพน้อย และภพใหญ่ ถึงแล้ว ซึ่ง ความสิ้นไปแห่งอาสวะ สัตว์เหล่านั้นแล ถึงฝั่งแล้วในโลก

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่
๒๔๔-๒๔๕

๑๐. มารเธยยสูตร
ธรรมที่เป็นเหตุให้ล่วงพ้นบ่วงมาร

            [๒๓๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วย ธรรม ๓ ประการ ก้าวล่วงบ่วงแห่ง มารแล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจอาทิตย์ฉะนั้น ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน

            ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยศีลขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ
๒ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยสมาธิขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ
๓ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยปัญญาขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบแล้วด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ก้าวล่วงบ่วง แห่งมารแล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจพระอาทิตย์ฉะนั้น

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ภิกษุใด เจริญศีล สมาธิ และปัญญาดีแล้ว ภิกษุนั้น ก้าวล่วงบ่วงแห่ง มารได้แล้ว ย่อมรุ่งเรือง ดุจพระอาทิตย์ ฉะนั้น

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์