พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๖
๑. ปุญญกิริยาวัตถุสูตร
[๒๓๘] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุญญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ นี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ทานมัย ปุญญกิริยาวัตถุ
๒
ศีลมัยปุญญกิริยาวัตถุ
๓ ภาวนามัยปุญญกิริยาวัตถุ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุญญกิริยาวัตถุ ๓ ประการนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า กุลบุตรผู้ใคร่ประโยชน์ พึงศึกษาบุญนั่นแล อันให้ผลเลิศต่อไป ซึ่งมีสุข เป็นกำไร คือ พึงเจริญทาน ๑ ความประพฤติเสมอ ๑ เมตตาจิต ๑ บัณฑิตครั้นเจริญ ธรรม ๓ ประการอันเป็นเหตุให้เกิดความสุขเหล่านี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความ เบียดเบียน
เนื้อความแม้นี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๖-๒๔๖
๒. จักขุสูตร
ผู้สมบูรณ์ด้วยจักษุ
[๒๓๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุ ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑
มังสจักษุ (ตาเนื้อ)
๒
ทิพยจักษุ (ตาทิพย์)
๓ ปัญญาจักษุ (เห็นแจ้ง)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุ ๓ อย่างนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่าบุรุษ ได้ตรัสจักษุ ๓ อย่างนี้ คือ
๑
มังสจักษุ ๑ ทิพยจักษุ ๑ ปัญญาจักษุอันยอดเยี่ยม ๑
ความบังเกิดขึ้นแห่งมังสจักษุ เป็นทางแห่งทิพยจักษุ เมื่อใด ญาณบังเกิด ขึ้นแล้ว เมื่อนั้น บุคคลย่อมพ้นจากทุกข์ ทั้งปวง เพราะการได้เฉพาะซึ่งปัญญาจักษุ อันยอดเยี่ยม
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๗-๒๔๗
๓. อินทรียสูตร
ความถึงพร้อมด้วยอินทรีย์
[๒๔๐] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๓ ประการ นี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑
อนัญญาตัญญัสสามิตินทรีย์ (ปฐมฌาน)
๒ อัญญินทรีย์ (รู้ธรรมชาติทั่วถึง)
๓
อัญญาตาวินทรีย์ (เข้าถึงวิมุตติ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๓ ประการนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ปฐมญาณ (อนัญญาตัญญัสสามิตินทรีย์) ย่อมเกิดขึ้นใน เพราะโสดา ปัตติมรรค อันเป็นเครื่องทำกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไป แก่พระเสขะผู้ยังต้องศึกษาอยู่ ผู้ปฏิบัติตามทางอันตรง ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึง (อัญญินทรีย์) ย่อมเกิดขึ้นในลำดับแต่ ปฐมญาณนั้น ปัจจเวกขณญาณ (อัญญาตาวินทรีย์) ย่อมเกิดขึ้นว่า วิมุตติของเรา ไม่กำเริบแก่พระขีณาสพ ผู้พ้นวิเศษแล้ว ผู้คงที่
ภายหลังแต่ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึงนั้น เพราะความสิ้นไปแห่งกิเลส เป็นเครื่อง ประกอบสัตว์ไว้ในภพ ถ้าว่าบุคคล ผู้ถึงพร้อมแล้ว ด้วยอินทรีย์ ผู้ระงับแล้ว ยินดีแล้ว ในสันติบทไซร้ บุคคลนั้นชนะมาร พร้อมทั้งพาหนะแล้ว ย่อมทรง ไว้ซึ่งร่างกาย อันมีในที่สุด
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๘-๒๔๙
๔. อัทธาสูตร
[๒๔๑] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาล ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑
อดีตกาล
๒
อนาคตกาล
๓
ปัจจุบันกาล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาล ๓ อย่างนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า สัตว์ทั้งหลายผู้มีความสำคัญในเรื่องที่พูดกัน ตั้งอยู่เฉพาะแล้วในเรื่อง ที่พูดกัน ย่อมเข้าถึงข่าย คือ ความฉิบหาย และ ข่าย คือ กิเลสเครื่องประกอบแห่งมัจจุ เพราะไม่กำหนดรู้ เรื่องที่พูดกัน
พระขีณาสพย่อมไม่สำคัญผู้พูด เพราะกำหนดรู้ เรื่องที่พูดกัน เพราะท่าน ถูกต้อง วิโมกข์ด้วยใจ ท่านถูกต้อง สันติบทอันยอดเยี่ยม พระขีณาสพนั้นแล ผู้ถึง พร้อมแล้ว ด้วยเรื่องที่พูดกัน ผู้ระงับแล้ว ยินดีแล้วในสันติบท พิจารณาแล้ว มีปกติเสพ ตั้งอยู่ในธรรม ผู้ถึงฝั่งแห่งเวท คือ สัจจะ ๔ ย่อมไม่เข้าถึงการ นับว่า เป็นมนุษย์และ เทวดา
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล |