พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๘
๑. อกุศลมูลสูตร
[๒๒๘] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลมูล ๓ ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉนคือ
๑
โลภะเป็น อกุศลมูล
๒ โทสะเป็น อกุศลมูล
๓
โมหะเป็น อกุศลมูล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลมูล ๓ ประการนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า โลภะ โทสะ และโมหะ เกิดแล้วในตนย่อมเบียดเบียน บุรุษผู้มีจิต อันลามก เหมือนขุยของตน ย่อมเบียดเบียน ไม้ไผ่ ฉะนั้น
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๘-๒๓๙
๒. ธาตุสูตร
[๒๒๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑
รูปธาตุ
๒ อรูปธาตุ
๓ นิโรธธาตุ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุ ๓ อย่างนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ชนเหล่าใดกำหนดรู้รูปธาตุแล้ว ไม่ดำรงอยู่ในอรูปธาตุ น้อมไปในนิโรธ ชนเหล่านั้นเป็นผู้ละมัจจุเสียได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้หาอาสวะมิได้ ถูกต้องอมตธาตุ อันหาอุปธิมิได้ด้วยนามกาย แล้วกระทำให้แจ้ง ซึ่งการสละคืนอุปธิ ย่อมแสดงบท อันไม่มี ความโศก ปราศจากธุลี
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่๒๓๙
๓. เวทนาสูตรที่ ๑
[๒๓๐] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนา ๓ ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ สุขเวทนา
๒
ทุกขเวทนา
๓
อทุกขมสุขเวทนา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนา ๓ ประการนี้แล
พระผู้มีพระภาคได้ตรัส เนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้มีจิตตั้งมั่น ผู้รู้ทั่ว มีสติ ย่อมรู้ชัด ซึ่งเวทนา เหตุเกิดแห่งเวทนา ย่อมรู้ชัดซึ่งธรรมเป็นที่ดับ แห่งเวทนา และมรรคอันให้ถึง ความสิ้นไปแห่งเวทนา ภิกษุ หายหิวแล้ว ดับรอบแล้ว เพราะความสิ้นไปแห่งเวทนา ทั้งหลาย
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๙-๒๔๐
๔. เวทนาสูตรที่ ๒
[๒๓๑] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนา ๓ ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ สุขเวทนา
๒
ทุกขเวทนา
๓
อทุกขมสุขเวทนา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
-
พึงเห็นสุขเวทนา โดยความเป็นทุกข์
-
พึงเห็นทุกขเวทนา โดยความเป็นลูกศร
-
พึงเห็นอทุกขมสุขเวทนา โดยความเป็นของไม่เที่ยง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ภิกษุเห็นสุขเวทนาโดยความเป็นทุกข์ เห็นทุกขเวทนา โดยความเป็นลูกศร เห็นอทุกขมสุขเวทนา โดยความเป็นของไม่เที่ยง เมื่อนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นพระอริยะผู้เห็นโดยชอบ ตัดตัณหาขาดแล้ว ล่วงสังโยชน์แล้ว ได้กระทำแล้วซึ่งที่สุดแห่งทุกข์เพราะการละมานะโดยชอบ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า
-
ภิกษุใดได้เห็นสุข โดยความเป็นทุกข์
-
ได้เห็นทุกข์ โดยความ เป็นลูกศร
-
ได้เห็นอทุกขมสุขอันละเอียด โดยความเป็นของไม่เที่ยง
ภิกษุนั้นแลเป็นผู้เห็นโดยชอบ ย่อมหลุดพ้นในเวทนานั้น ภิกษุนั้นแลอยู่จบ อภิญญาระงับแล้ว ก้าวล่วงโยคะได้แล้ว ชื่อว่าเป็นมุนี
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล |