เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ภิกขุสูตร เครื่องอยู่เป็นทุกข์-อยู่เป็นสุข ตปนียสูตรเหตุให้เดือดร้อน นกุหนาสูตร พรหมจรรย์นี้เพื่อละ เพื่อรู้ยิ่ง 2420
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

๑. ภิกขุสูตรที่ ๑ ธรรมเครื่องอยู่เป็นทุกข์ เดือดร้อน คับแค้นใจ
    -ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
    -ความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ

๒. ภิกขุสูตรที่ ๒ ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขไม่เดือดร้อน
   - ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
   - ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ

๓. ตปนียสูตร ธรรมเป็นเหตุให้เดือดร้อน
   - ย่อมเดือดร้อนว่า เราไม่ได้ทำกรรมงามดังนี้บ้าง
   - ย่อมเดือดร้อนว่า เราทำแต่บาปดังนี้บ้าง

๔. อตปนียสูตร ธรรมไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อน
   - ย่อมไม่เดือดร้อนว่า เราได้ทำกรรมอันดีงาม(ทำบุญ) ดังนี้บ้าง
   - ย่อมไม่เดือดร้อนว่า เราไม่ได้ทำบาปดังนี้บ้าง

๕. สีลสูตรที่ ๑ ว่าด้วยศีลและทิฏฐิ สูตรที่ ๑
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ อันกรรมของตนซัดไปในนรก
  - ศีลอันลามก
  - ทิฐิอันลามก

๖. สีลสูตรที่ ๒ ว่าด้วยศีลและทิฏฐิ สูตรที่ ๒
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ อันกรรมของตนนำมาไว้ในสวรรค์
   - ศีลดี
   - ทิฐิดี

๗. อาตาปีสูตร ภิกษุผู้ไม่มีความเพียร
ผู้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ ไม่ควรเพื่อจะตรัสรู้ไม่ควรเพื่อนิพพาน
ไม่ควรเพื่อจะบรรลุธรรม อันเป็นแดนเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม

๘. นกุหนาสูตรที่ ๑ พรหมจรรย์นี้เพื่อการสำรวมและเพื่อการละ
พรหมจรรย์นี้ ไม่ได้อยู่ประพฤติเพื่อจะหลอกลวงชน ไม่อยู่ประพฤติเพื่อประจบคน ไม่อยู่ประพฤติ เพื่ออานิสงส์ คือ ลาภ สักการะ สรรเสริญ ไม่อยู่ประพฤติด้วยคิดว่าชนจงรู้จักตถาคต โดยที่แท้ พรหมจรรย์นี้ ประพฤติเพื่อการสำรวมและเพื่อการละ

๙. นกุหนาสูตรที่ ๒ พรหมจรรย์นี้เพื่อความรู้ยิ่งและเพื่อกำหนดรู้
พรหมจรรย์นี้ ไม่ได้อยู่ประพฤติเพื่อจะหลอกลวงชน ไม่อยู่ประพฤติเพื่อประจบคน ไม่อยู่ประพฤติ เพื่ออานิสงส์ คือ ลาภ สักการะ สรรเสริญ ไม่อยู่ประพฤติด้วยคิดว่าชนจงรู้จักตถาคต โดยที่แท้ พรหมจรรย์นี้ ประพฤติ เพื่อความรู้ยิ่ง และเพื่อกำหนดรู้

๑๐. โสมนัสสสูตร ธรรมย่อมอยู่อย่างมีความสุข
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ เป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัสอยู่ในปัจจุบัน เป็นผู้ปรารภ ความเพียร เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
   - ความสังเวชในฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช
   - ความเพียรโดยแยบคายแห่งบุคคลผู้สังเวช

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๖

๑. ภิกขุสูตรที่ ๑
ธรรมเครื่องอยู่เป็นทุกข์

            [๒๐๖] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน มีความคับแค้น มีความเร่าร้อน ในปัจจุบัน เมื่อตายไปพึงหวังได้ทุคติ
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ

๑ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๒ ความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ


            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน มีความคับแค้น มีความเร่าร้อน ในปัจจุบัน เมื่อตายไปพึงหวังได้ทุคติ

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ภิกษุใดไม่คุ้มครองทวารเหล่านี้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่รู้จัก ประมาณ ในโภชนะ และไม่สำรวม ในอินทรีย์ทั้งหลาย ภิกษุนั้นย่อมถึงความทุกข์ คือ ทุกข์ กาย ทุกข์ใจ ภิกษุเช่นนั้นมีกายถูกไฟ คือ ความทุกข์ แผดเผาอยู่ มีใจถูกไฟ คือ ความทุกข์แผดเผาอยู่ ย่อม อยู่เป็นทุกข์ทั้งกลางวันกลางคืน

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๖-๒๑๗

๒. ภิกขุสูตรที่ ๒
ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข

            [๒๐๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมอยู่เป็นสุข ไม่มี ความเดือดร้อน ไม่มีความคับแค้น ไม่มีความเร่าร้อน ในปัจจุบัน เมื่อตายไปพึงได้สุคติ
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ

๑ ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๒ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมอยู่เป็นสุข ไม่มีความเดือดร้อน ไม่มีความคับแค้น ไม่มีความเร่าร้อน ในปัจจุบัน เมื่อตายไป พึงหวัง ได้สุคติ

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า

            ภิกษุใดคุ้มครองดีแล้วซึ่งทวารเหล่านี้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ รู้จัก ประมาณในโภชนะ และสำรวม ในอินทรีย์ทั้งหลาย ภิกษุนั้นย่อมถึงความสุข คือ สุข กาย สุขใจ ภิกษุเช่นนั้นมีกายไม่ถูกไฟ คือ ความ ทุกข์แผดเผา มีใจไม่ถูกไฟ คือ ความทุกข์ แผดเผา ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งกลางวันกลางคืน

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๖-๒๑๗

๓. ตปนียสูตร
ธรรมเป็นเหตุให้เดือดร้อน

            [๒๐๘] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการนี้ เป็นเหตุให้เดือดร้อน ๒ ประการเป็นไฉน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่ได้ทำความดีงามไว้
ไม่ได้ทำกุศลไว้ ไม่ได้ทำบุญ อันเป็นเครื่องต่อต้าน ความขลาดกลัวไว้ ทำแต่บาป ทำอกุศลกรรมอันหยาบช้า ทำอกุศลกรรมอันกล้าแข็ง

บุคคลนั้น
๑ ย่อมเดือดร้อนว่า เราไม่ได้ทำกรรมงาม(ทำบุญ) ดังนี้บ้าง
๒ ย่อมเดือดร้อนว่า เราทำแต่บาปดังนี้บ้าง
           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นเหตุให้เดือดร้อน

            พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาค ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า บุคคลผู้มีปัญญาทราม กระทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต และอกุศลกรรมอย่างอื่น อันประกอบด้วยโทษ ไม่กระทำกุศลกรรม กระทำต่อกุศลกรรม เป็นอันมาก เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรก

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๘-๒๑๙

๔. อตปนียสูตร
ธรรมไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อน

            [๒๐๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการนี้ ไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อน ๒ ประการเป็นไฉน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ได้ทำความดีงามไว้ทำกุศลไว้ ได้ทำบุญ อันเป็นเครื่องต่อต้านความ ขลาดกลัว ไว้ ไม่ได้ทำบาป ไม่ได้ทำอกุศลกรรม อันหยาบช้า ไม่ได้ทำอกุศลกรรมอันกล้าแข็ง

บุคคลนั้น
๑ ย่อมไม่เดือดร้อนว่า เราได้ทำ กรรมอันดีงาม ดังนี้บ้าง
๒ ย่อมไม่เดือดร้อนว่า เราไม่ได้ทำบาปดังนี้บ้าง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการนี้แล ไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อน

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า บุคคลผู้มีปัญญา ละกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต และ ไม่กระทำ อกุศลกรร มอย่างอื่นใด อันประกอบด้วยโทษ กระทำ แต่กุศลกรรมเป็นอันมาก เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสวรรค์

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๙

๕. สีลสูตรที่ ๑
ว่าด้วยศีลและทิฏฐิ สูตรที่ ๑

            [๒๑๐] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ อันกรรมของตน ซัดไปในนรก เหมือนถูกนำมาทิ้งลงฉะนั้น ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ศีลอันลามก
๒ ทิฐิอันลามก

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม๒ ประการนี้แล อันกรรม ของตนซัดไปในนรก เหมือนถูกนำมาทิ้งลงฉะนั้น

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า นรชนใดผู้มีปัญญาทราม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้ คือ ศีลอันลามก ๑ ทิฐิอันลามก ๑ นรชนนั้น เมื่อ ตายไป ย่อมเข้าถึงนรก

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๙-๒๑๐

๖. สีลสูตรที่ ๒
ว่าด้วยศีลและทิฏฐิ สูตรที่ ๒

            [๒๑๑] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ อันกรรมของตนนำมาไว้ในสวรรค์ เหมือนเชิญมา ไว้ฉะนั้น ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ศีลดี
๒ ทิฐิดี

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล อันกรรมของตนนำมาไว้ในสวรรค์ เหมือนเชิญมา ไว้ฉะนั้น

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า นรชนใดผู้มีปัญญา ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้ คือ ศีลดี ๑ ทิฐิดี ๑ นรชนนั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสวรรค์

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๐-๒๒๑

๗. อาตาปีสูตร
ภิกษุผู้ไม่มีความเพียร

            [๒๑๒] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ ไม่ควรเพื่อจะตรัสรู้ไม่ควรเพื่อนิพพาน ไม่ควรเพื่อ จะบรรลุธรรม อันเป็นแดนเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มี ความเพียร ผู้มีโอตตัปปะ ควรเพื่อจะตรัสรู้ ควรเพื่อนิพพาน ควรเพื่อจะบรรลุธรรม เป็นแดนเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ภิกษุใดไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ เกียจคร้าน มีความเพียรเลว มากไปด้วยถีนมิทธะ ไม่มีหิริ ไม่เอื้อเฟื้อ ภิกษุเช่นนั้นไม่ควรเพื่อจะบรรลุญาณ เป็นเครื่อง ตรัสรู้อันยอด เยี่ยม ส่วนภิกษุใดมีสติ มีปัญญาเครื่องรักษาตน มีฌาน มีความเพียร มีโอตตัปปะ ไม่ประมาท ตัดกิเลสชาติเครื่อง ประกอบสัตว์ไว้ด้วยชาติ และชรา ขาดแล้ว พึงบรรลุญาณ เป็นเครื่องตรัสรู้อันยอดเยี่ยม ในอัตภาพนี้แล

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๑-๒๒๒

๘. นกุหนาสูตรที่ ๑
พรหมจรรย์นี้เพื่อการสำรวมและเพื่อการละ

            [๒๑๓] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้ ภิกษุไม่อยู่ประพฤติเพื่อจะหลอกลวงชน ไม่อยู่ประพฤติเพื่อประจบคน ไม่อยู่ประพฤติเพื่ออานิสงส์ คือ ลาภ สักการะความสรรเสริญ ไม่อยู่ประพฤติด้วยคิดว่า ชนจงรู้จักเราด้วยอาการอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่แท้พรหมจรรย์นี้ ภิกษุย่อมอยู่ ประพฤติ เพื่อการสำรวม และเพื่อการละ (ราคะ)

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ได้ทรงแสดงพรหมจรรย์เครื่อง กำจัดจัญไร อันเป็นเหตุให้ถึงฝั่ง คือ นิพพาน เพื่อการ สำรวมเพื่อการละทางนี้ พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ผู้มีประโยชน์ใหญ่ ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ทรงดำเนินไปแล้ว ชนเหล่า ใดๆ ย่อมปฏิบัติพรหมจรรย์นั้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรง แสดงแล้ว ชนเหล่านั้นๆ ผู้กระทำ ตามคำสั่งสอนของ พระศาสดา จักกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๒

๙. นกุหนาสูตรที่ ๒
พรหมจรรย์นี้เพื่อความรู้ยิ่งและเพื่อกำหนดรู้

            [๒๑๔] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้ ภิกษุไม่อยู่ประพฤติเพื่อจะหลอกลวงชน ไม่อยู่ประพฤติเพื่อจะประจบคน ไม่อยู่ประพฤติเพื่ออานิสงส์ คือ ลาภ สักการะและความสรรเสริญ ไม่อยู่ประพฤติ ด้วยคิดว่า ชนจงรู้จักเราด้วยอาการอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่แท้พรหมจรรย์นี้ ภิกษุอยู่ประพฤติ เพื่อความรู้ยิ่ง และเพื่อกำหนดรู้

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ได้ทรงแสดงพรหมจรรย์เครื่อง กำจัดจัญไร อันเป็น เหตุให้ถึงฝั่ง คือ นิพพาน เพื่อความ รู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ ทางนี้ พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ผู้มี ประโยชน์ ใหญ่ ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ทรงดำเนินไปแล้ว ชนเหล่า ใดๆ ย่อม ปฏิบัติพรหมจรรย์นั้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรง แสดงแล้ว ชนเหล่านั้นๆ ผู้กระทำตาม คำสั่งสอน ของพระศาสดา จักกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๓-๒๒๔

๑๐. โสมนัสสสูตร
ธรรมย่อมอยู่อย่างมีความสุข

            [๒๑๕] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ เป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัสอยู่ในปัจจุบัน เป็นผู้ปรารภความเพียรแล้วโดยแยบคาย เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความสังเวชในฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช
๒ ความเพียรโดยแยบคายแห่งบุคคลผู้สังเวช

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นผู้มากไปด้วย สุข และโสมนัสอยู่ในปัจจุบัน เป็นผู้ปรารภความเพียรแล้วโดยแยบคาย เพื่อความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลาย

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ภิกษุผู้เป็นบัณฑิต มีความเพียร มีปัญญาเครื่องรักษาตน พิจารณา โดยชอบแล้วด้วยปัญญา พึงสังเวชในฐานะเป็น ที่ตั้งแห่งความสังเวชทีเดียว ภิกษุผู้มี ปรกติอยู่อย่างนี้ มี ความเพียร มีความประพฤติสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน หมั่น ประกอบอุบาย เป็นเครื่องสงบใจ พึงถึงความสิ้นไปแห่ง ทุกข์ได้

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์