เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

  (พุทธอุทาน) ทัพพสูตรที่ ๑ ทัพพสูตรที่ ๒ บัดนี้เป็นกาลปรินิพพานแห่งข้าพระองค์ (พระสูตรนี้แต่งใหม่) 2416
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

ทัพพสูตรที่ ๑ (พระสูตรนี้น่าจะแต่งขึ้นมาใหม่)
พระทัพพมัลลบุตร (ตระกูลมัลละ) กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ตนเองจะปรินิพพานแล้ว
"ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาล ปรินิพพาน แห่งข้าพระองค์ พระเจ้าข้า"
ท่านพระทัพพ กระทำประทักษิณแล้วเหาะขึ้นไปสู่เวหาส นั่งขัดสมาธิ เข้าสมาบัติ มีเตโชธาตุเป็น อารมณ์ อยู่ในอากาศ กลางหาว ออกแล้วปรินิพพาน มีเตโชธาตุเป็นอารมณ์ สรีระถูก ไฟ เผาไหม้ อยู่ เถ้าไม่ปรากฏเลย เขม่าก็ไม่ปรากฏ เหมือนเถ้าแห่งเนยใส หรือน้ำมัน ที่ถูกไฟเผา ไหม้อยู่ ไม่ปรากฏเลย เขม่าก็ไม่ปรากฏ ฉะนั้น

ทัพพสูตรที่ ๒ (พระสูตรนี้น่าจะแต่งขึ้นมาใหม่)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๐-๑๙๑

๙. ทัพพสูตรที่ ๑ (พระสูตรนี้น่าจะแต่งขึ้นมาใหม่)
พระทัพพบอกผู้มีพระภาคว่าตนเองจะปรินิพพานแล้ว

            [๑๗๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระทัพพมัลลบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

             ครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาล ปรินิพพาน แห่งข้าพระองค์ พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า(บอกพระผู้มีพระภาคว่า ตนเองจะปรินิพพานแล้ว)

            ดูกรทัพพะ เธอจงสำคัญเวลาอันควร ณ บัดนี้เถิด ลำดับนั้น ท่านพระทัพพมัลลบุตร ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ แล้วเหาะขึ้นไปสู่เวหาส นั่งขัดสมาธิเข้าสมาบัติ มีเตโชธาตุเป็นอารมณ์ อยู่ในอากาศ กลางหาว ออกแล้วปรินิพพาน เมื่อท่านพระทัพพมัลลบุตร เหาะขึ้นสู่เวหาส นังขัดสมาธิ เข้าสมาบัติ มีเตโชธาตุเป็นอารมณ์อยู่ในอากาศกลางหาว ออกแล้วปรินิพพาน สรีระถูก ไฟ เผาไหม้อยู่ เถ้าไม่ปรากฏเลย เขม่าก็ไม่ปรากฏ เหมือนเถ้าแห่งเนยใส หรือน้ำมัน ที่ถูกไฟเผาไหม้อยู่ ไม่ปรากฏเลย เขม่าก็ไม่ปรากฏ ฉะนั้น

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า

            รูปกายได้สลายแล้ว สัญญาดับแล้ว เวทนาทั้งปวงเป็น ธรรมชาติเย็นแล้ว สังขารทั้งหลายสงบแล้ว วิญญาณถึงความตั้งอยู่ไม่ได้


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๑-๑๙๒

๑๐. ทัพพสูตรที่ ๒ (พระสูตรนี้น่าจะแต่งขึ้นมาใหม่)

            [๑๗๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุ ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ พระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระทัพพมัลลบุตร เหาะขึ้นไปสู่เวหาส นั่งขัดสมาธิ เข้าสมาบัติ มีเตโชธาตุเป็นอารมณ์ อยู่ในอากาศกลางหาว ออกแล้วปรินิพพาน เมื่อสรีระถูกไฟเผาไหม้อยู่ เถ้าไม่ปรากฏ เขม่าก็ไม่ปรากฏเหมือนเถ้าแห่งเนยใส หรือน้ำมันถูกไฟเผาไหม้อยู่ ไม่ปรากฏเลย เขม่าก็ไม่ปรากฏ ฉะนั้น

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า

            คติของพระขีณาสพทั้งหลาย ผู้หลุดพ้นแล้วโดยชอบ ข้ามเครื่องผูกคือกาม และโอฆะได้แล้ว ถึงแล้วซึ่งความสุขอันหา ความหวั่นไหวมิได้ ไม่มีเพื่อจะบัญญัติ เหมือนคติแห่งไฟ ลุกโพลงอยู่ที่ภาชนะสัมฤทธิ์เป็นต้น อันนายช่างเหล็กตีด้วย ค้อนเหล็ก ดับสนิท ย่อมรู้ไม่ได้ ฉะนั้น



* ข้อสังเกตุ (ทัพพสูตรที่ ๑ และสูตร ๒)

พระสูตรนี้พิจารณาแล้วน่าจะเป็นเรื่องแต่ง
1. การตายของพระทัพพมัลลบุตร ออกแนวดราม่า เกินกว่าพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย
2. ผู้ที่จะกำหนดวันปรินิพานได้มีแต่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เท่านั้น คือ การปลงสังขาร ส่วนพระอรหันต์ขีณาสพ ไม่อาจทำได้ หากเข้าใจว่า ปรินิพพาน คือการหลุดพ้นหรือ สำเร็จอรหันต์ หรือพ้นทุกข์ ก็ไม่น่าจะใช่ ความหมายปรินิพพานที่แท้จริงคือกายแตกดับ หรือขันธ์๕ ดับ..
(รูปกายดับ เวทนาดับ สัญญาดับ สังขารดับ) ส่วนพระพุทธเจ้า และขีนาสพทั้งหลาย คือผู้หลุดพ้น คือพ้นจากความยึดมั่นในขันธ์๕ แต่ขันธ์ก็ยังดำรงอยู่ เช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป (มีร่างกายปกติ มีชีวิตปกติทั้งรูปและนาม)

ในมหาปรินิพานสูตร กล่าวไว้ตอนที่มารเข้าเฝ้าฯ ร้องขอว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มี พระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้เป็นเวลา ปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค" นั่นแสดงว่า การตรัสรู้ หรือการสำเร็จอรหันต์ กับ ปรินิพพาน เป็นคนละความหมาย เป็นคนละช่วงเวลากัน


 
หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์