เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

โลภสูตร โทสสูตร โมหสูตร มักขสูตร มานสูตร เธอละ โลภะ โทสะ...ได้ เรารับรองความเป็นพระอนาคามี 2417
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

๑. โลภสูตร (ความโลภ ความอยากได้)
เธอทั้งหลายละ โลภะ ได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความ เป็นพระอนาคามี

๒. โทสสูตร (ความคิดประทุษร้าย)
เธอทั้งหลายละ โทสะ ได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความ เป็นพระอนาคามี

๓. โมหสูตร (ความหลง)
เธอทั้งหลายละ โมหะ ได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความ เป็นพระอนาคามี

๔. โกธสูตร (ความโกรธ ความไม่พอใจ
เธอทั้งหลายละ โกธะ ได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความ เป็นพระอนาคามี

๕. มักขสูตร (ความลบหลู่)
เธอทั้งหลายละ มักขะ ได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความ เป็นพระอนาคามี

๖. มานสูตร (ความถือตัว)
เธอทั้งหลายละ มานะ ได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความ เป็นพระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่ง โลภะ โทสะ โมหะ โกธะ มักขะ มานะ อันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้หลงไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มา สู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๗. สัพพสูตร (ธรรมทั้งปวง)
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่งซึ่ง ธรรมที่ควรรู้ยิ่งทั้งปวง
๒ ไม่กำหนดรู้ธรรม ที่ควรกำหนดรู้ทั้งปวง
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัดในธรรมที่ควรรู้ยิ่ง
๔ ยังละในธรรมทั้งปวงที่ควรรู้นั้นไม่ได้
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความสิ้นทุกข์

๘. มานสูตร (ความถือตัว)
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่งซึ่ง มานะ
๒ ไม่กำหนดรู้ มานะ
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัดในมานะนั้น
๔ ยังละมานะนั้นไม่ได้เด็ดขาด
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความสิ้นทุกข์

๙. โลภสูตร (ความโลภ)
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่งซึ่ง โลภะ
๒ ไม่กำหนดรู้โลภะ
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัด ในโลภะ
๔ ยังละโลภะนั้นไม่ได้เด็ดขาด
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความสิ้นทุกข์


๑๐. โทสสูตร (ความคิดประทุษร้าย)
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่งซึ่ง โทสะ
๒ ไม่กำหนดรู้โทสะ
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัดในโทสะ
๔ ยังละโทสะนั้นไม่ได้เด็ดขาด
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความสิ้นทุกข์


เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๓

๑. โลภสูตร
(ความโลภ ความอยากได้)

            [๑๗๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้รับรองเธอ ทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามีธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โลภะ ได้ เราเป็นผู้ รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

            ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งความโลภอันเป็นเหตุให้ สัตว์ผู้โลภไปสู่ ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มา สู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๓-๑๙๓

๒. โทสสูตร
(ความคิดประทุษร้าย)

            [๑๘๐] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้รับรองเธอ ทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามี ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โทสะ ได้ เราเป็นผู้ รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งโทสะอันเป็นเหตุให้สัตว์ ผู้ประทุษร้ายไปสู่ ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้วย่อมไม่มา สู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๔

๓. โมหสูตร
(ความหลง)

            [๑๘๑] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้รับรองเธอ ทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามี ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โมหะ ได้ เราเป็นผู้ รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งโมหะอันเป็นเหตุให้สัตว์ ผู้หลงไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่โลก นี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๔-๑๙๕

๔. โกธสูตร
(ความโกรธ ความไม่พอใจ)

            [๑๘๒] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้รับรองเธอ ทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามี ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โกธะ ได้ เราเป็นผู้ รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถาประพันธ์นี้ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งโกธะอันเป็นเหตุให้สัตว์ ผู้โกรธไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่ โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๕-๑๙๖

๕. มักขสูตร
(ความลบหลู่)

            [๑๘๓] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้รับรองเธอ ทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามี ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลาย ละธรรมอย่างหนึ่ง คือ มักขะ ได้ เราเป็นผู้ รับรอง เธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

            พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งมักขะอันเป็นเหตุให้ สัตว์ผู้ลบหลู่ไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อม ไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๖

๖. มานสูตร
(ความถือตัว)

            [๑๘๔] จริงอยู่ พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้รับรองเธอ ทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามี ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ มานะ ได้ เราเป็นผู้ รับรอง เธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งมานะอันเป็นเหตุให้ สัตว์ผู้ถือตัว ไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่ มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๖-๑๙๗

๗. สัพพสูตร
(ธรรมทั้งปวงที่ควรรู้)

            [๑๘๕] จริงอยู่ พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ ภิกษุ ไม่รู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่งทั้งปวง
ไม่กำหนดรู้ธรรม ที่ควรกำหนดรู้ทั้งปวง
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัดในธรรมที่ควรรู้ยิ่ง และธรรมที่ควร กำหนดรู้นั้น ยังละกิเลสวัฏ ไม่ได้ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความสิ้นทุกข์


(ไม่รู้ธรรมทั้งปวง หมายถึงไม่รู้ธรรมชาติตามที่เป็นจริง)

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุรู้ยิ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่งทั้งปวง กำหนดรู้ธรรม ที่ควร กำหนดรู้ทั้งปวง ยังจิตให้คลายกำหนัดในธรรมที่ควรรู้ยิ่ง และธรรมที่ควรกำหนดรู้นั้น ละกิเลสวัฏได้ เป็นผู้ควรเพื่อความสิ้นทุกข์

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า ผู้ใดรู้ธรรมเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งปวง โดยส่วนทั้งปวง ย่อมไม่ กำหนัด ใน สักกายธรรม ทั้งปวง ผู้นั้นกำหนดรู้ธรรมเป็น ไปในภูมิ ๓ ทั้งปวงแล้ว ล่วงทุกข์ ทั้งปวง ได้โดยแท้

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๗-๑๙๘

๘. มานสูตร
(ความถือตัว)

            [๑๘๖] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่ง
ไม่กำหนดรู้มานะ
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัด ในมานะนั้น ยังละมานะนั้นไม่ได้เด็ดขาด
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อ ความสิ้นทุกข์

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุรู้ยิ่ง กำหนดรู้มานะ ยังจิตให้คลายกำหนัด ในมานะนั้น ละมานะนั้นได้เด็ดขาด เป็นผู้ควรเพื่อความสิ้นทุกข์

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า หมู่สัตว์นี้ประกอบแล้วด้วยมานะ มีมานะเป็นเครื่องร้อยรัด ยินดีแล้ว ในภพ ไม่กำหนดรู้มานะ ต้องเป็นผู้มาสู่ภพอีก ส่วนสัตว์เหล่าใดละมานะได้แล้ว น้อมไป ในธรรม เป็นที่สิ้น มานะ สัตว์เหล่านั้นครอบงำกิเลสเครื่องร้อยรัดคือมานะ เสียได้ ก้าวล่วงได้แล้ว ซึ่งกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวง

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๘

๙. โลภสูตร
(ความโลภ)

            [๑๘๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่ง
ไม่กำหนดรู้โลภะ
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัด ในโลภะ ยังละโลภะนั้นไม่ได้เด็ดขาด
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความ สิ้นทุกข์

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุรู้ยิ่ง กำหนดรู้โลภะ ยังจิตให้คลายกำหนัดในโลภะ นั้น ละโลภะนั้นได้เด็ดขาด เป็นผู้ควรเพื่อความสิ้นทุกข์

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งความโลภอันเป็นเหตุให้ สัตว์ผู้โลภไปสู่ ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มา สู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล


---------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๘-๑๙๙

๑๐. โทสสูตร
(ความคิดประทุษร้าย)

            [๑๘๘] จริงอยู่ พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ ภิกษุไม่รู้ยิ่ง
ไม่กำหนดรู้โทสะ
๓ ไม่ยังจิตให้คลายกำหนัด ในโทสะนั้น ยังละโทสะนั้น ไม่ได้เด็ดขาด
เป็นผู้ไม่ควร เพื่อความสิ้นทุกข์

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุรู้ยิ่ง กำหนดรู้ โทสะ ยังจิตให้คลายกำหนัด ใน โทสะนั้น ละโทสะนั้น ได้เด็ดขาด เป็นผู้ควรเพื่อความ สิ้นทุกข์

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส คาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งโทสะอันเป็นเหตุให้ สัตว์ผู้ ประทุษร้าย ไปสู่ ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ

            เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์