เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

(พุทธอุทาน อุทานสูตร) อุปาสกสูตร คัพภินีสูตร เอกปุตตสูตร วิสาขาสูตร...
2394
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

๕. อุปาสกสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ความสุขย่อมมีแก่ ผู้นั้นหนอ ผู้มีธรรม อันนับได้แล้วเป็นพหูสูต ท่านจงดูบุคคล ผู้มีกิเลสเครื่องกังวลเดือดร้อนอยู่ ชนผู้ปฏิพัทธ์ ในชนย่อม เดือดร้อน

๖. คัพภินีสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
ชนผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล มีความสุขหนอ ชนผู้ถึงเวท (คือ อริยมรรคญาณ) เท่านั้น ชื่อว่าผู้ไม่มี กิเลสเครื่องกังวล ท่านจงดูชนผู้มีกิเลส เครื่องกังวล เดือดร้อนอยู่ ชนเป็นผู้มีจิต ปฏิพัทธ์ในชน ย่อมเดือดร้อน

๗. เอกปุตตสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
หมู่เทวดาและหมู่มนุษย์เป็นจำนวนมาก ยินดีแล้วด้วยความ เพลิดเพลิน ในรูปอันเป็นที่รัก ถึงความทุกข์ เสื่อมหมดแล้ว (จากสมบัติ) ย่อมไปสู่อำนาจแห่ง มัจจุราช พระอริยบุคคล เหล่าใดแล ไม่ประมาททั้งกลางคืนและกลางวัน ย่อมละรูป อันเป็นที่รักเสียได้ พระอริยบุคคลเหล่านั้นแล ย่อมขุดขึ้นได้ ซึ่งอามิสแห่งมัจจุราช อันเป็นมูลแห่งวัฏฏทุกข์ที่ล่วงได้ โดยยาก

๙. วิสาขาสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
ประโยชน์ทั้งหมดอยู่ในอำนาจของผู้อื่น นำทุกข์มาให้ ความเป็นใหญ่ ทั้งหมดนำสุขมาให้ เมื่อมีสาธารณประโยชน์ที่จะพึง ให้สำเร็จ สัตว์ทั้งหลายย่อม เดือดร้อน เพราะว่ากิเลสเครื่อง ประกอบสัตว์ทั้งหลาย ก้าวล่วงได้โดยยาก

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๘-๗๙

๕. อุปาสกสูตร

            [๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล อุบาสกชาวบ้านอิจฉานังคละคนหนึ่ง เดินทาง มาถึงพระนครสาวัตถีโดยลำดับ ด้วยกรณียกิจบางอย่าง

            ครั้งนั้นแล อุบาสกนั้น ยังกรณียกิจนั้นให้สำเร็จในพระนครสาวัตถี แล้วเข้าไป เฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสกะอุบาสกนั้นว่า

            ดูกรอุบาสก ท่านกระทำปริยายนี้เพื่อมา ณ ที่นี้โดยกาลนานแล อุบาสกนั้น กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ประสงค์จะเฝ้าเยี่ยม พระผู้มีพระภาค แต่กาลนาน แต่ว่าข้าพระองค์ขวนขวายด้วยกิจ ที่ต้องทำบางอย่าง จึงไม่สามารถ จะเข้ามาเฝ้าพระผู้มีพระภาคได้

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ความสุขย่อมมีแก่ ผู้นั้นหนอ ผู้มีธรรม อันนับได้แล้วเป็นพหูสูต ท่านจงดูบุคคล ผู้มีกิเลสเครื่องกังวลเดือดร้อนอยู่ ชนผู้ปฏิพัทธ์ ในชนย่อม เดือดร้อน


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๗๙-๘๐

๖. คัพภินีสูตร

            [๕๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่าน อนาถบิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล นางมาณวิกาสาวภรรยาของปริพาชกคนหนึ่ง มีครรภ์ใกล้เวลาคลอดแล้ว

            ครั้งนั้นแล นางปริพาชิกานั้น ได้กล่าวปริพาชกว่า ท่านพราหมณ์ ท่านจงไป นำน้ำมัน ซึ่งจักเป็นอุปการะสำหรับดิฉัน ผู้คลอดแล้วมาเถิด เมื่อนางปริพาชิกา กล่าวอย่างนี้แล้ว ปริพาชกนั้นได้กล่าวกะ นางปริพาชิกาว่า ฉันจะนำน้ำมันมาให้ นางผู้เจริญ แต่ที่ไหนเล่า แม้ครั้งที่ ๒ ... แม้ครั้งที่ ๓ นางปริพาชิกานั้นก็ได้กล่าว กะปริพาชก นั้นว่า ท่านพราหมณ์ท่านจงไปนำน้ำมัน ซึ่งจักเป็นอุปการะสำหรับ ดิฉัน ผู้คลอดแล้วมาเถิด

            [๕๗] ก็สมัยนั้นแล ราชบุรุษได้ให้เนยใสบ้าง น้ำมันบ้างในพระคลังของ พระเจ้า ปเสนทิโกศล แก่สมณะบ้าง พราหมณ์บ้างเพื่อดื่มพอความต้องการไม่ให้เพื่อนำไป

            ครั้งนั้นแล ปริพาชกนั้นดำริว่า ก็ราชบุรุษให้เนยใสบ้าง น้ำมันบ้าง ในพระคลัง ของ พระเจ้าปเสนทิโกศล แก่สมณะบ้าง พราหมณ์บ้าง เพื่อดื่มพอความต้องการ ไม่ให้เพื่อนำไป ไฉนหนอ เราพึงไปยังพระคลังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ดื่มน้ำมัน พอความต้องการแล้ว กลับมาเรือน สำรอกน้ำมัน ซึ่งจักเป็นอุปการะแก่นางปริพาชิกา ผู้คลอดนี้เถิด

            ครั้งนั้นแล ปริพาชกนั้นไปยังพระคลัง ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ดื่มน้ำมัน พอความต้องการแล้ว กลับมาเรือนไม่สามารถ เพื่อจะไว้เบื้องต่ำ [ด้วยอำนาจการถ่ายท้อง] ปริพาชกนั้นอันทุกข์เวทนาอันกล้าเผ็ดร้อน ถูกต้องแล้ว ย่อมหมุนมาและหมุนไปโดยรอบ

            ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาค ทรงผ้าอันตรวาสก ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาต ยังพระนครสาวัตถี ได้ทอดพระเนตรเห็นปริพาชกนั้น ผู้อันทุกข์ เวทนา อันกล้าเผ็ดร้อนถูกต้องแล้ว หมุนมาหมุนไปอยู่โดยรอบ

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า ชนผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล มีความสุขหนอ ชนผู้ถึงเวท (คือ อริยมรรคญาณ) เท่านั้น ชื่อว่าผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ท่านจงดูชนผู้มีกิเลส เครื่องกังวล เดือดร้อนอยู่ ชนเป็นผู้มีจิต ปฏิพัทธ์ในชนย่อมเดือดร้อน


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๘๐-๘๑

๗. เอกปุตตสูตร

            [๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถ บิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล บุตรคนเดียวของอุบาสกคนหนึ่ง เป็นที่รัก เป็นที่พอใจ ทำกาละแล้ว

            ครั้งนั้นแล อุบาสกมากด้วยกันมีผ้าชุ่ม มีผมเปียกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับในเวลาเที่ยง ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสถามอุบาสกเหล่านั้นว่า

            ดูกรอุบาสกทั้งหลาย ท่านทั้งหลายมีผ้าชุ่ม มีผมเปียกเข้ามาในที่นี้ ในเวลา เที่ยงเพราะเหตุไรหนอ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถามอย่างนี้แล้ว อุบาสกนั้นได้กราบทูล ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคบุตรคนเดียวของข้าพระองค์ ผู้เป็นที่รัก เป็นที่พอใจทำกาละ แล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงมีผ้าชุ่ม มีผมเปียก เข้ามาในที่นี้ในเวลาเที่ยง

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า หมู่เทวดาและหมู่มนุษย์เป็นจำนวนมาก ยินดีแล้วด้วยความ เพลิดเพลิน ในรูปอันเป็นที่รัก ถึงความทุกข์ เสื่อมหมดแล้ว (จากสมบัติ) ย่อมไปสู่อำนาจแห่ง มัจจุราช พระอริยบุคคล เหล่าใดแล ไม่ประมาททั้งกลางคืนและกลางวัน ย่อมละรูป อันเป็นที่รักเสียได้ พระอริยบุคคลเหล่านั้นแล ย่อมขุดขึ้นได้ ซึ่งอามิสแห่งมัจจุราช อันเป็นมูลแห่งวัฏฏทุกข์ที่ล่วงได้ โดยยาก


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๘๖

๙. วิสาขาสูตร

            [๖๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บุพพารามปราสาทของวิสาขามิคารมารดา ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ประโยชน์บางอย่างของนางวิสาขามิคารมารดา เนื่องในพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงยังประโยชน์นั้น ให้สำเร็จ ตามความประสงค์

            ครั้งนั้นเป็นเวลาเที่ยง นางวิสาขามิคารมารดาเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสถาม นางวิสาขามิคารมารดาว่า

            ดูกรนางวิสาขาท่านมาแต่ที่ไหนหนอในเวลาเที่ยง นางวิสาขามิคารมารดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ประโยชน์บางอย่างของ หม่อมฉันเนื่องในพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงยังประโยชน์นั้น ให้สำเร็จตามความประสงค์

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้น ว่า ประโยชน์ทั้งหมดอยู่ในอำนาจของผู้อื่น นำทุกข์มาให้ ความ เป็นใหญ่ ทั้งหมดนำสุขมาให้ เมื่อมีสาธารณประโยชน์ที่จะพึง ให้สำเร็จ สัตว์ทั้งหลายย่อม เดือดร้อน เพราะว่ากิเลสเครื่อง ประกอบสัตว์ทั้งหลาย ก้าวล่วงได้โดยยาก

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์