เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

(พุทธอุทาน อุทานสูตร) มุจจลินทสูตร ราชสูตร ทัณฑสูตร สักการสูตร..วิเวกเป็นสุขของผู้ยินดี 2393
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

๑. มุจจลินทสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
วิเวกเป็นสุขของผู้ยินดี มีธรรมอันสดับแล้ว พิจารณาเห็นอยู่ ความไม่เบียดเบียน คือ ความสำรวม ในสัตว์ทั้งหลาย เป็น สุขในโลก ความเป็นผู้มีราคะ ไปปราศแล้ว คือ ความก้าว ล่วงซึ่งกาม ทั้งหลายเสียได้ เป็นสุขในโลก ความนำซึ่ง อัสมิมานะเสียได้ นี้แลเป็นสุขอย่างยิ่ง

๒. ราชสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
กามสุข ในโลกและทิพยสุข ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งสุข คือความสิ้นตัณหา

๓. ทัณฑสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
ผู้ใดแสวงหาความสุขเพื่อตน ย่อมเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ผู้ใคร่ ความสุข ด้วยท่อนไม้ ผู้นั้นย่อม ไม่ได้ความสุขในโลก หน้า ผู้ใดแสวงหา ความสุข เพื่อตน ย่อมไม่เบียดเบียนสัตว์ ทั้งหลายผู้ใคร่ ความสุขด้วยท่อนไม้ ผู้นั้นย่อมได้ ความสุขในโลกหน้า

๔. สักการสูตร ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
ท่านทั้งหลาย ผู้อันสุขและทุกข์ถูกต้องแล้วในบ้าน ในป่า ไม่ตั้งสุข และ ทุกข์นั้น จากตน ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากผู้อื่น ผัสสะทั้งหลาย ย่อมถูกต้องเพราะอาศัย อุปธิ ผัสสะทั้งหลาย พึงถูกต้อง นิพพาน อันไม่มีอุปธิเพราะเหตุไร

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๔

๑. มุจจลินทสูตร

            [๕๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ควงไม้มุจลินท์ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลา ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ด้วยบัลลังก์อันเดียว ตลอด ๗ วัน สมัยนั้น อกาลเมฆใหญ่บังเกิดขึ้นแล้ว ฝนตกพรำตลอด ๗ วัน มีลมหนาวประทุษร้าย

            ครั้งนั้นแล พระยามุจลินทนาคราชออกจากที่อยู่ของตน มาวงรอบพระกาย ของพระผู้มีพระภาค ด้วยขนดหาง๗ รอบ แผ่พังพานใหญ่เบื้องบนพระเศียรด้วยตั้งใจว่า ความหนาวอย่าได้เบียดเบียน พระผู้มีพระภาค ความร้อนอย่าได้เบียดเบียน พระผู้มีพระภาค สัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานอย่าได้เบียดเบียน พระผู้มีพระภาคครั้นพอล่วงสัปดาห์นั้นไป พระผู้มีพระภาค เสด็จออกจากสมาธินั้น

            ครั้งนั้นพระยามุจลินทนาคราชทราบว่าอากาศโปร่ง ปราศจากเมฆแล้ว จึงคลายขนดหาง จากพระกายพระผู้มีพระภาค นิมิตเพศของตนยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาค ประนมอัญชลีนมัสการ พระผู้มีพระภาคอยู่

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า วิเวกเป็นสุขของผู้ยินดี มีธรรมอันสดับแล้ว พิจารณาเห็นอยู่ ความ ไม่เบียดเบียน คือ ความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เป็น สุขในโลก ความเป็นผู้มีราคะ ไปปราศแล้ว คือ ความก้าว ล่วงซึ่งกามทั้งหลายเสียได้ เป็นสุขในโลก ความนำซึ่ง อัสมิมานะเสียได้ นี้แลเป็นสุขอย่างยิ่ง


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๗๕-๗๖

๒. ราชสูตร

            [๕๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล เมื่อภิกษุมากด้วยกันกลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัตแล้ว นั่งประชุมกันในศาลาเป็นที่บำรุง เกิดสนทนาขึ้นในระหว่างว่า

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บรรดาพระราชาสองพระองค์นี้ คือพระเจ้าแผ่นดินมคธจ อมทัพ พระนามว่าพิมพิสารก็ดี พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดี องค์ไหนหนอแล มีพระราชทรัพย์ มากกว่ากัน มีโภคสมบัติมากกว่ากัน มีท้องพระคลังมากกว่ากัน มีแว่นแคว้นมากกว่ากัน มีพาหนะมากกว่ากัน มีกำลังมากกว่ากันหรือมีอานุภาพ มากกว่ากัน การสนทนา ในระหว่าง ของภิกษุเหล่านั้นค้างเพียงนี้

            ครั้งนั้นแล เวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้น เสด็จเข้าไปยัง ศาลา เป็นที่บำรุง ประทับนั่งบนอาสนะที่บุคคลปูลาดไว้ ครั้นแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลาย ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากัน ด้วยเรื่องอะไรหนอ การสนทนา ในระหว่างของเธอทั้งหลายที่ยังค้างอยู่เป็นอย่างไร ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย กลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว นั่งประชุมกันในศาลาเป็นที่บำรุง เกิดสนทนา กันขึ้นในระหว่างว่า

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บรรดาพระราชาสองพระองค์นี้คือ พระเจ้าแผ่นดินมคธ จอมทัพ พระนามว่า พิมพิสารก็ดี พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดีองค์ไหนหนอ แลมี พระราชทรัพย์ มากกว่ากัน มีโภคสมบัติมากกว่ากัน มีท้องพระคลังมากกว่ากัน มีแว่นแคว้นมากกว่ากัน มีพาหนะมากกว่ากัน มีกำลังมากกว่ากัน มีฤทธิ์มากกว่ากัน หรือมีอานุภาพมากกว่ากัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การสนทนา ในระหว่างของข้าพระองค์ ทั้งหลายนี้แล ค้างอยู่เพียงนี้ ก็พอพระผู้มีพระภาค เสด็จมาถึง พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายพึงกล่าวถ้อยคำเห็นปานนี้นั้น ไม่สมควร แก่เธอ ทั้งหลาย ผู้เป็นกุลบุตรออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายประชุมกันแล้ว ควรทำเหตุสองประการ คือ ธรรมีกถาหรือดุษณีภาพ อันเป็นของพระอริยะ

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า กามสุข ในโลกและทิพยสุข ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ [ที่จำแนก ออก ๑๖ หน] แห่งสุข คือความสิ้นตัณหา


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๗๖

๓. ทัณฑสูตร

            [๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล เด็กมากด้วยกันเอาท่อนไม้ตีงู อยู่ในระหว่างพระนครสาวัตถี และพระวิหารเชตวัน

            ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาค ทรงอันตรวาสก ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไป บิณฑบาต ยังพระนครสาวัตถี ได้ทอดพระเนตรเห็นเด็กเหล่านั้น เอาท่อนไม้ตีงู อยู่ในระหว่าง พระนครสาวัตถี และพระวิหารเชตวัน

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า ผู้ใดแสวงหาความสุขเพื่อตน ย่อมเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ผู้ใคร่ ความสุข ด้วยท่อนไม้ ผู้นั้นย่อมไม่ได้ความสุขในโลก หน้า ผู้ใดแสวงหา ความสุข เพื่อตน ย่อมไม่เบียดเบียนสัตว์ ทั้งหลายผู้ใคร่ความสุขด้วยท่อนไม้ ผู้นั้นย่อมได้ ความสุขในโลกหน้า


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๗๗-๗๘

๔. สักการสูตร

            [๕๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม ของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเป็นผู้อันมหาชนสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง ทรงได้จีวร บิณฑบาตเสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แม้ภิกษุสงฆ์ ก็เป็นผู้อันมหาชนสักการะเคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลาน ปัจจัยเภสัชบริขาร ส่วนพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก เป็นผู้อันมหาชน ไม่สักการะไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา ไม่ยำเกรง ไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร

            ครั้งนั้นแล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก อดกลั้นสักการะของพระผู้มีพระภาค และของ ภิกษุสงฆ์ ไม่ได้ เห็นภิกษุทั้งหลายในบ้านและในป่าแล้ว ย่อมด่า ปริภาษ กริ้วกราด เบียดเบียน ด้วยวาจาหยาบคายไ ม่ใช่ของสัตบุรุษ ครั้งนั้นแล ภิกษุมากรูป ด้วยกัน เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง

            ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้พระผู้มี พระภาค เป็นผู้อันมหาชน สักการะเคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง ทรงได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แม้ภิกษุสงฆ์ก็เป็นผู้อันมหาชนสักการะ เคารพ นับถือบูชา ยำเกรง ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัย เภสัชบริขาร ส่วนพวก อัญญเดียรถีย์ ปริพาชก เป็นผู้อันมหาชน ไม่สักการะ ไม่เคารพไม่นับถือ ไม่บูชา ไม่ยำเกรง ไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร

            ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น อดกลั้นสักการะ ของพระผู้มีพระภาค และของภิกษุสงฆ์ไม่ได้ เห็นภิกษุสงฆ์ในบ้านและในป่าแล้ว ย่อมด่า บริภาษ กริ้วกราด เบียดเบียน ด้วยวาจาหยาบคายไม่ใช่ของสัตบุรุษ

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้น ว่า ท่านทั้งหลาย ผู้อันสุขและทุกข์ถูกต้องแล้วในบ้าน ในป่า ไม่ตั้งสุข และ ทุกข์นั้น จากตน ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากผู้อื่น ผัสสะทั้งหลาย ย่อมถูกต้องเพราะอาศัย อุปธิ ผัสสะทั้งหลาย พึงถูกต้องนิพพาน อันไม่มีอุปธิเพราะเหตุไร

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์