พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๗
๗. ปาวาสูตร
[๔๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ อชกลาปกเจดีย์ อันเป็นที่อยู่แห่งอชกลาปกยักษ์ ใกล้เมืองปาวา ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค ประทับนั่ง ณที่แจ้ง ในความมืดตื้อในราตรี และฝนก็กำลังโปรย ละอองอยู่
ครั้งนั้นแลอชกลาปกยักษ์ ใคร่จะทำความกลัว ความหวาดเสียว ขนลุกชูชัน ให้เกิดขึ้น แก่พระผู้มีพระภาค จึงเข้าไปหาพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ทำเสียงว่าอักกุโล ปักกุโล อักกุลปักกุลัง ขึ้น ๓ ครั้ง ในที่ไม่ไกล พระผู้มีพระภาค แล้วกล่าวว่า ดูกรสมณะ นั่นปีศาจปรากฏแก่ท่าน
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้น ว่า ในกาลใด บุคคลเป็นผู้ถึงฝั่งในธรรม ทั้งหลายของตน เป็น พราหมณ์ ในกาลนั้น ย่อมไม่กลัวปีศาจ และเสียงว่า ปักกุลอย่างนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๗
๘. สังคามชิสูตร
[๔๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ท่านพระสังคามชิ ถึงพระนครสาวัตถีโดยลำดับ เพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาค ภริยาเก่า ของท่านพระสังคามชิ ได้ฟังข่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าสังคามชิ ถึงพระนครสาวัตถีแล้ว นางได้อุ้มทารกไปยัง พระวิหารเชตวัน
ก็สมัยนั้นแล ท่านพระสังคามชินั่งพักกลางวันที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง ครั้งนั้น ภริยาเก่า ของท่าน พระสังคามชิ เข้าไปหาท่านพระสังคามชิถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะ ท่านพระสังคามชิว่า ข้าแต่สมณะ ก็ท่านจงเลี้ยงดูดิฉันผู้มีบุตรน้อยเถิด เมื่อภริยาเก่า กล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสังคามชิ ก็นิ่งเสีย แม้ครั้งที่ ๒ แม้ครั้งที่ ๓
ภริยาเก่าของท่าน พระสังคามชิก็ได้กล่าว กะท่านพระสังคามชิว่า ข้าแต่สมณะ ก็ท่านจงเลี้ยงดูดิฉัน ผู้มีบุตรน้อยเถิด ท่านพระสังคามชิ ก็ได้นิ่งเสีย ลำดับนั้นแล ภริยาเก่าของท่าน พระสังคามชิ อุ้มทารกนั้นไปวางไว้ข้างหน้า ท่านพระสังคามชิ กล่าวว่า ข้าแต่สมณะ นี้บุตรของท่านท่านจงเลี้ยงดูบุตรนั้นเถิด ดังนี้แล้วหลีกไป
ลำดับนั้นแล ท่านพระสังคามชิ ไม่ได้แลดูทั้งไม่ได้พูดกะทารกนั้นเลย ลำดับนั้น ภริยาเก่าของท่านพระสังคามชิ ไปคอยดูอยู่ในที่ไม่ไกล ได้เห็นท่านพระสังคามชิ ผู้ไม่แลดู ทั้งไม่ได้พูดกะทารกครั้นแล้วจึงได้คิดว่า สมณะนี้แลไม่มีความต้องการ แม้ด้วยบุตร นางกลับจากที่นั้นแล้วอุ้มทารกหลีกไป พระผู้มีพระภาค ได้ทรงเห็นการ กระทำอันแปลก แม้เห็นปานนี้ แห่งภริยาเก่าของท่านพระสังคามชิ ด้วยทิพจักษุ อันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้เปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า เรากล่าวผู้ไม่ยินดีภริยาเก่าผู้มาอยู่ ผู้ไม่เศร้าโศกถึงภริยาเก่า ผู้หลีกไปอยู่ ผู้ชนะสงคราม พ้นแล้วจากธรรมเป็นเครื่อง ข้องว่าเป็นพราหมณ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๙
๙. ชฎิลสูตร
[๔๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ คยาสีสะประเทศ ใกล้บ้านคยาก็สมัยนั้นแล ชฎิลมากด้วยกันผุดขึ้นบ้าง ดำลงบ้าง ผุดขึ้นและดำลงบ้าง รดน้ำ บ้าง บูชาไฟบ้าง ที่แม่น้ำคยา ในสมัยหิมะตก ระหว่าง ๘ วัน ในราตรีมีความหนาวในเหมันตฤดู ด้วยคิดเห็นว่า ความหมดจดย่อมมีได้ ด้วยการ กระทำนี้
พระผู้มีพระภาค ได้ทอดพระเนตร เห็นพวกชฎิลเหล่านั้น ผุดขึ้นบ้าง ดำลงบ้าง ผุดขึ้น และดำลงบ้าง รดน้ำบ้าง บูชาไฟบ้าง ที่ท่าแม่น้ำคยา ในสมัยหิมะ ตกระหว่าง ๘ วัน ในราตรีมีความหนาวในเหมันตฤดู ด้วยคิดเห็นว่า ความหมดจด ย่อมมีได้ด้วยการ กระทำนี้
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า ความสะอาดย่อมไม่มีเพราะน้ำ (แต่) ชนเป็นอันมากยังอาบ อยู่ในน้ำนี้ สัจจะ และธรรมะ มีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นเป็นผู้สะอาด และเป็นพราหมณ์
|