เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

(พุทธอุทาน อุทานสูตร) อชปาลนิโครธสูตร เถรสูตร มหากัสสปสูตร 2391
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕

๔. อชปาลนิโครธสูตร
ก็สมัยนั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด ๗ วัน พราหมณ์คนหนึ่งทูลถาม ว่าบุคคล ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะเหตุเพียงเท่าไรหนอ และธรรมที่ทำบุคคลให้เป็น พราหมณ์เป็นไฉน
ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า..
พราหมณ์ใดมีบาปธรรม อันลอยเสียแล้ว ไม่มักตวาดผู้อื่นว่า หึ หึ ไม่มีกิเลสดุจน้ำฝาดมีตน อันสำรวมแล้ว ถึงที่สุด แห่งเวท อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ไม่มีกิเลสเครื่อง ฟูขึ้น ในโลกไหนๆ พราหมณ์นั้น ควรกล่าววาทะว่าเป็นพราหมณ์ โดยชอบธรรม

๕. เถรสูตร
พราหมณ์ รูปหนึ่ง ได้ทูลถามว่า บุคคลชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะเหตุเพียงเท่าไรหนอแล และธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์เป็นไฉน ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า..
ชนเหล่าใด ลอยบาปทั้งหลายได้แล้ว มีสติอยู่ทุกเมื่อ มี สังโยชน์สิ้นแล้ว ตรัสรู้แล้ว ชนเหล่านั้นแล ชื่อว่าเป็น พราหมณ์ในโลก

๖. มหากัสสปสูตร
ก็ สมัยนั้น เทวดาประมาณ ๕๐๐ ถึงความขวนขวาย เพื่อจะให้ท่านพระมหากัสสปะ ได้บิณฑบาต ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
เรากล่าวบุคคล มิใช่ผู้เลี้ยงคนอื่น ผู้รู้ยิ่ง ผู้ฝึกตนแล้ว ดำรงอยู่แล้ว ในสารธรรม ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้มีโทษอันคายแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๔-๖๕

๔. อชปาลนิโครธสูตร

            [๔๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ควงไม้อชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำ เนรัญชรา ที่ตำบลอุรุเวลา ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค ประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ด้วยบัลลังก์อันเดียวตลอด ๗ วัน

            ครั้งนั้นแล พอล่วงสัปดาห์นั้นไป พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากสมาธินั้น ครั้งนั้นแล พราหมณ์คนหนึ่ง ผู้มักตวาดผู้อื่นว่า หึ หึ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัย พอให้ระลึกถึง กันไปแล้ว ได้ยืนอยู่ ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ บุคคลชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะเหตุเพียงเท่าไรหนอแล และธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์เป็นไฉน

            ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า พราหมณ์ใดมีบาปธรรม อันลอยเสียแล้ว ไม่มักตวาดผู้อื่นว่า หึ หึ ไม่มีกิเลสดุจน้ำฝาดมีตน อันสำรวมแล้ว ถึงที่สุด แห่งเวท อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ไม่มีกิเลสเครื่องฟูขึ้น ในโลกไหนๆ พราหมณ์นั้น ควรกล่าววาทะว่าเป็นพราหมณ์ โดยชอบธรรม


----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๕-๖๖

๕. เถรสูตร

            [๔๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระมหากัจจานะ ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ท่านพระมหากัปปินะ ท่านพระมหาจุนทะ ท่านพระอนุรุทธะ ท่านพระเรวัตตะ และท่านพระนันทะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ พระผู้มีพระภาค ได้ทอดพระเนตรเห็นท่านเหล่านั้น กำลังมาแต่ไกล ครั้นแล้ว ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์เหล่านั้นมาอยู่

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์เหล่านั้นมาอยู่ เมื่อพระผู้มีพระภาค ตรัสอย่างนี้ แล้ว ภิกษุผู้มีชาติเป็นพราหมณ์ รูปหนึ่ง ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ บุคคลชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะเหตุเพียงเท่าไรหนอแล และธรรมที่ทำบุคคลให้ เป็นพราหมณ์เป็นไฉน

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า ชนเหล่าใด ลอยบาปทั้งหลายได้แล้ว มีสติอยู่ทุกเมื่อ มี สังโยชน์สิ้นแล้ว ตรัสรู้แล้ว ชนเหล่านั้นแล ชื่อว่าเป็น พราหมณ์ในโลก


----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๖-๖๗

๖. มหากัสสปสูตร

            [๔๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้ พระนครราชคฤห์

            ก็สมัยนั้นแล ท่านพระมหากัสสปะ อยู่ที่ถ้ำปิปผลิคูหา อาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก สมัยต่อมา ท่านพระมหากัสสปะ หายจากอาพาธนั้นแล้วได้คิดว่า ไฉนเรา พึงเข้าไปสู่พระนคร ราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาตก็สมัยนั้น เทวดาประมาณ ๕๐๐ ถึงความ ขวนขวาย เพื่อจะให้ท่านพระมหากัสสปะ ได้บิณฑบาต

             ท่านพระมหากัสสปะ ห้ามเทวดาประมาณ ๕๐๐ เหล่านั้นแล้วเวลาเช้า นุ่งแล้ว ถือเอาบาตรและจีวร เข้าไปสู่พระนครราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต ตามทางที่อยู่แห่ง มนุษย์ขัดสน ที่อยู่แห่งมนุษย์ กำพร้า ที่อยู่แห่งช่างหูก พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตร เห็นท่านพระมหากัสสปะ กำลังเที่ยวบิณฑบาต ในพระนครราชคฤห์ ตามทางที่อยู่แห่ง มนุษย์ขัดสน ที่อยู่แห่งมนุษย์กำพร้า ที่อยู่แห่งช่างหูก

            ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า เรากล่าวบุคคล มิใช่ผู้เลี้ยงคนอื่น ผู้รู้ยิ่ง ผู้ฝึกตนแล้ว ดำรงอยู่แล้ว ในสารธรรม ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้มีโทษอันคายแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์