พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๑-๓๕๓
มหานามสูตรที่ ๒
[๒๑๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธารามใกล้ พระนคร กบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ก็สมัยนั้นแล เจ้าศากยะพระนามว่า มหานามะ ทรงหายจาก ประชวร คือหายจากภาวะที่ประชวรไม่นาน ก็สมัยนั้น ภิกษุเป็นอันมากกระทำจีวรกรรม* เพื่อพระผู้มีพระภาค ด้วยหวังว่า พระผู้มีพระภาคผู้มีจีวรสำเร็จแล้ว จักเสด็จจาริก โดยกาลล่วงไป ๓ เดือน เจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะได้ทรงสดับข่าวว่า ภิกษุเป็นอันมาก กระทำจีวรกรรม เพื่อพระผู้มีพระภาคด้วยหวังว่า พระผู้มีพระภาค ผู้มีจีวร สำเร็จแล้ว จักเสด็จจาริกโดยล่วงไป ๓ เดือนครั้งนั้นแล เจ้าศากยะพระนามว่า มหานามะ เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ทรงถวายบังคมพระผู้มี พระภาคแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
* (จีวรกรรม คือ การทำจีวร การเตรียมผ้า การตัดเย็บ การซัก การย้อม)
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ทราบ ข่าวมาดังนี้ว่า ภิกษุเป็นอันมากกระทำจีวรกรรมเพื่อพระผู้มีพระภาคด้วยหวังว่า พระผู้มี พระภาคผู้มีจีวรสำเร็จแล้ว จักเสด็จจาริกโดยล่วงไป ๓ เดือนดังนี้ ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ หม่อมฉันผู้อยู่ด้วยธรรมเครื่องอยู่ต่างๆ พึงอยู่ด้วยธรรมเครื่องอยู่อะไร พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละๆ มหาบพิตร การที่มหาบพิตรเสด็จเข้ามาหา ตถาคต แล้วตรัสถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉัน ผู้อยู่ด้วยธรรมเครื่องอยู่ต่างๆ พึงอยู่ด้วยธรรมเครื่องอยู่อะไร ดังนี้ เป็นการสมควรแก่ มหาบพิตร ผู้เป็นกุลบุตร
ดูกรมหาบพิตร กุลบุตร
๑ ผู้มีศรัทธา ย่อมเป็นผู้บริบูรณ์ ผู้ไม่มีศรัทธา ย่อมไม่เป็นผู้บริบูรณ์
๒ ผู้ปรารภความเพียร ย่อมเป็นผู้บริบูรณ์ ผู้เกียจคร้าน ย่อมไม่เป็นผู้บริบูรณ์
๓ ผู้มีสติตั้งมั่น ย่อมเป็นผู้บริบูรณ์ ผู้มีสติหลงลืม ย่อมไม่เป็นผู้บริบูรณ์
๔ ผู้มีจิตตั้งมั่นย่อมเป็นผู้บริบูรณ์ ผู้ไม่มีจิตตั้งมั่น ย่อมไม่เป็นผู้บริบูรณ์
๕ ผู้มีปัญญา ย่อมเป็นผู้บริบูรณ์ ผู้มีปัญญาทราม ย่อมไม่เป็นผู้บริบูรณ์
ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตรทรงตั้งอยู่ในธรรม ๕ ประการนี้แล้ว พึงเจริญธรรม ๖ ประการให้ยิ่งขึ้นไป
ดูกรมหาบพิตรในธรรม ๖ ประการนี้ (๑) พึงทรงระลึกถึงพระตถาคตว่า แม้เพราะ เหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม
ดูกรมหาบพิตรสมัยใด อริยสาวกระลึกถึงพระตถาคต สมัยนั้น จิตของอริยสาวก นั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม สมัยนั้น จิตของ อริยสาวกนั้นย่อมดำเนินไปตรง
ดูกรมหาบพิตร อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไป ตรงเพราะปรารภพระตถาคต ย่อมได้ ความรู้อรรถ ย่อมได้ความรู้ธรรม ย่อมได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม ปีติย่อม เกิดแก่อริยสาวกผู้มีความปราโมทย์ กายของอริยสาวก ผู้มีใจประกอบด้วยปีติย่อมสงบ อริยสาวกผู้มีกายสงบแล้ว ย่อมเสวยสุขจิตของอริยสาวกผู้มีสุขย่อมตั้งมั่น
ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตร พึงเสด็จดำเนินเจริญก็ได้ พึงประทับยืนเจริญก็ได้ พึงประทับนั่งเจริญก็ได้ พึงบรรทมเจริญก็ได้ พึงทรงประกอบการงานเจริญก็ได้ พึงประทับ บนที่นอนอันเบียดเสียดด้วยพระโอรสและพระธิดาเจริญก็ได้ ซึ่งพุทธานุสสตินี้แล
ดูกรมหาบพิตร อีกประการหนึ่ง (๒) มหาบพิตรพึงทรงระลึกถึงพระธรรม...
ดูกรมหาบพิตร อีกประการหนึ่ง (๓) มหาบพิตรพึงทรงระลึกถึงพระสงฆ์...
ดูกรมหาบพิตร อีกประการหนึ่ง (๔) มหาบพิตรพึงทรงระลึกถึงศีลของตน...
ดูกรมหาบพิตร อีกประการหนึ่ง (๕) มหาบพิตรพึงทรงระลึกถึงจาคะของตน...
ดูกรมหาบพิตร อีกประการหนึ่ง (๖) มหาบพิตรพึงทรงระลึกถึงเทวดาทั้งหลาย ว่า เทวดาชั้น จาตุมหาราชมีอยู่ เทวดาชั้นดาวดึงส์มีอยู่ ..เทวดาผู้สูงขึ้นไปกว่านั้นมีอยู่ เทวดาเหล่านั้น ประกอบด้วยศรัทธาเช่นใด จุติจากโลกนี้แล้วไปบังเกิดในเทวโลก ชั้นนั้นๆ แม้เราก็มีศรัทธา เช่นนั้น เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยศีล ...สุตะ ... จาคะ ... ปัญญาเช่นใด จุติจากโลกนี้แล้วไปบังเกิดในเทวโลกชั้นนั้นๆแม้เราก็มีปัญญาเช่นนั้น
ดูกรมหาบพิตร สมัยใด อริยสาวกระลึกถึงศรัทธา ศีลสุตะ จาคะ และปัญญา ของตนและของเทวดาเหล่านั้น สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้นย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุมสมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้นย่อมดำเนินไปตรง
ดูกรมหาบพิตร อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไปตรง เพราะปรารภเทวดาทั้งหลาย ย่อมได้ความรู้อรรถ ย่อมได้ความรู้ธรรม ย่อมได้ความปราโมทย์ อันประกอบด้วยธรรม ปีติย่อมเกิดแก่อริยสาวกผู้มีความปราโมทย์ กายของอริยสาวกผู้มีใจประกอบด้วยปีติ ย่อมสงบ อริยสาวกผู้มีกายสงบย่อมเสวยสุข จิตของอริยสาวกผู้มีสุขย่อมตั้งมั่น
ดูกรมหาบพิตรมหาบพิตร พึงเสด็จดำเนินเจริญก็ได้ พึงประทับยืนเจริญก็ได้ พึงประทับนั่งเจริญก็ได้ พึงบรรทมเจริญก็ได้ พึงทรงประกอบการงานเจริญก็ได้ พึงประทับบนที่นอนอันเบียดเสียดด้วยพระโอรสและพระธิดาเจริญก็ได้ ซึ่งเทวตานุสสติ นี้แล
|