| พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๐๘
 สมณสัญญาสูตรสมณสัญญาบริบูรณ์ย่อมยังธรรม ๗ ประการให้บริบูรณ์
 
              [๑๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังธรรม ๗ ประการให้บริบูรณ์ สมณสัญญา ๓ ประการเป็นไฉน คือ สมณสัญญาว่า ๑ เราเป็นผู้มีเพศต่างจากคฤหัสถ์
 ๒ ชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น
 ๓ มรรยาทอย่างอื่นอันเราควรทำมีอยู่
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้แล อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มาก แล้ว ย่อมยังธรรม ๗ ประการให้บริบูรณ์              ธรรม ๗ ประการเป็นไฉน คือ 
                                ภิกษุเป็นผู้มีปกติทำติดต่อเป็นนิตย์ ๑ เป็นผู้มีความประพฤติติดต่อเป็นนิตย์ ในศีลทั้งหลาย
 ๒ เป็นผู้ไม่โลภมาก
 ๓ เป็นผู้ไม่พยาบาท
 ๔ เป็นผู้ไม่ถือตัว
 ๕ เป็นผู้ใคร่ในการศึกษา
 ๖ เป็นผู้มีการพิจารณาในปัจจัยทั้งหลาย อันเป็นบริขารแห่งชีวิตว่า ปัจจัยเหล่านี้มีประโยชน์เช่นนี้ แล้วจึงบริโภค
 ๗ เป็นผู้ปรารภความเพียร
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้แล อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังธรรม ๗ ประการนี้ให้บริบูรณ์  ----------------------------------------------------------------------------------------------------------
 พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๐๘-๒๐๙
 โพชฌงคสูตรโพชฌงค์ ๗ บริบูรณ์ย่อมยังวิชชา ๓ บริบูรณ์
 
              [๑๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ ๗ ประการนี้ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังวิชชา ๓ ประการให้บริบูรณ์              โพชฌงค์ ๗ ประการเป็นไฉนคือ๑ สติสัมโพชฌงค์
 ๒ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์
 ๓ วิริยสัมโพชฌงค์
 ๔ ปีติสัมโพชฌงค์
 ๕ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
 ๖ สมาธิสัมโพชฌงค์
 ๗ อุเบกขาสัมโพชฌงค์
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ ๗ ประการนี้แล อันภิกษุเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมยังวิชชา ๓ ประการให้บริบูรณ์              วิชชา ๓ ประการเป็นไฉนคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
 ๑ ย่อมระลึกถึงชาติก่อน ได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้
 
 ๒ ย่อมเห็นหมู่สัตว์ ทั้งที่กำลังจุติกำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณ ทราม ได้ดี ตกยากด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุมนุษย์ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็น ไปตามกรรมด้วยประการฉะนี้
 
 ๓ ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลาย สิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ ๗ ประการนี้แล อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังวิชชา ๓ ประการนี้ให้บริบูรณ์  ----------------------------------------------------------------------------------------------------------
 พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๐๙
 มิจฉัตตสูตรธรรมที่ทำให้พลาดจากสวรรค์และมรรคผล
 
              [๑๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยมิจฉัตตะ (ภาวะที่ผิด) จึงมีการพลาด จาก สวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล เพราะอาศัยมิจฉัตตะ อย่างไร จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์ และมรรคผล             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑ บุคคลผู้มีความเห็นผิด ย่อมมีความดำริผิด
 ๒ ผู้มีความดำริผิด ย่อมมีวาจาผิด
 ๓ ผู้มีวาจาผิด ย่อมมีการงานผิด
 ๔ ผู้มีการงานผิด ย่อมมีการเลี้ยงชีพผิด
 ๕ ผู้มีการเลี้ยงชีพผิด ย่อมมีความพยายามผิด
 ๖ ผู้มีความพยายามผิด ย่อมมีความระลึกผิด
 ๗ ผู้มีความระลึกผิด ย่อมมีความตั้งใจมั่นผิด
 ๘ ผู้มีความตั้งใจมั่นผิด ย่อมมีความรู้ผิด
 ๙ ผู้มีความรู้ผิด ย่อมมีความหลุดพ้นผิด
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยมิจฉัตตะอย่างนี้แล จึงมีการพลาดจากสวรรค์ และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล  |