เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อธิกรณสูตร: ธรรมที่ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นสมณะ ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ เพื่อความยกย่อง 2349
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

อธิกรณสูตร : ธรรมที่ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นสมณะ
ธรรม ๑๐ ประการนี้
ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก
ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่เคารพ
ไม่เป็นไปเพื่อความยกย่อง
ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นสมณะ
ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นอันเดียวกัน

๑๐ ประการเป็นไฉน
๑. ภิกษผู้ก่ออธิกรณ์ ไม่กล่าวสรรเสริญการระงับอธิกรณ์ (ผู้ทำผิดวินัย ปฏิเสธการระงับอธิกรณ์)
๒. ภิกษุไม่ใคร่ในการศึกษา ไม่กล่าวสรรเสริญการสมาทานในการศึกษา
๓. ภิกษุผู้มีความปรารถนาลามก ไม่กล่าวสรรเสริญการกำจัดความลามก
๔. ภิกษุผู้มักโกรธ ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัด ความโกรธ
๕. ภิกษุเป็นผู้ลบหลู่ ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความลบหลู่
๖. ภิกษุเป็นผู้โอ้อวด ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความโอ้อวด
๗. ภิกษุเป็นผู้มีมายา ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดมายา
๘. ภิกษุไม่เป็นผู้เพ่งเล็งธรรมทั้งหลาย ไม่กล่าวสรรเสริญการเพ่งเล็งธรรม
๙. ภิกษุไม่เป็นผู้หลีกออกเร้น ไม่กล่าวสรรเสริญการหลีกออกเร้น
๑๐. ภิกษุไม่ปฏิสันถารกับเพื่อนพรหมจรรย์ ไม่กล่าวสรรเสริญการปฏิสันถาร

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๖๓-๑๖

อธิกรณสูตร
ธรรมที่ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นสมณะ

            [๘๗] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงปรารภพระกาฬกภิกษุ ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า

            (๑) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ก่ออธิกรณ์ ไม่กล่าวสรรเสริญ การระงับอธิกรณ์ แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ก่ออธิกรณ์ ไม่กล่าวสรรเสริญการระงับอธิกรณ์นี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่องที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            (๒) อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ไม่กล่าวสรรเสริญ การสมาทาน ในการศึกษา แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ไม่กล่าวสรรเสริญ การสมาทาน ในการศึกษานี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

            (๓) อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีความปรารถนาลามก ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัด ความปรารถนา แม้ข้อที่ภิกษุ เป็นผู้มีความปรารถนาลามกไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัด ความปรารถนานี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

            (๔) อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มักโกรธ ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัด ความโกรธ แม้ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้มักโกรธ ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความโกรธนี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเป็น ที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            (๕) อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ลบหลู่ ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความลบหลู่ แม้ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้ลบหลู่ ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความลบหลู่นี้ ย่อมไม่เป็นไป เพื่อความเป็น ที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            (๖) อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้โอ้อวด ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความ โอ้อวด แม้ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้โอ้อวด ไม่กล่าวสรรเสริญการกำจัดความโอ้อวดนี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความ เป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            (๗) อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีมายา ไม่กล่าวสรรเสริญ การกำจัดมายา แม้ข้อที่ภิกษุ เป็นผู้มีมายา ไม่กล่าวสรรเสริญการกำจัดมายานี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความ เป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            (๘) อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นผู้เพ่งเล็งธรรมทั้งหลาย ไม่กล่าวสรรเสริญการ เพ่งเล็งธรรม แม้ข้อที่ภิกษุ ไม่เป็นผู้เพ่งเล็งธรรมทั้งหลาย ไม่กล่าวสรรเสริญการเพ่งเล็ง ธรรมนี้ ย่อมไม่ เป็นไป เพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

            (๙) อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่ ไม่กล่าวสรรเสริญการ
หลีกออกเร้น
แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่ ไม่กล่าวสรรเสริญการหลีก
ออกเร้นนี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็น
อันหนึ่ง อันเดียวกัน

            (๑๐) อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นผู้กระทำการปฏิสันถาร เพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งหลาย ไม่กล่าวสรรเสริญการกระทำปฏิสันถาร แม้ข้อที่ภิกษุไม่กระทำการปฏิสันถาร เพื่อน พรหมจรรย์ทั้งหลาย ไม่กล่าวสรรเสริญการกระทำปฏิสันถารนี้ ย่อมไม่เป็นไป เพื่อความ เป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรารถนาพึงบังเกิดขึ้น แก่ภิกษุเห็นปานนี้อย่างนี้ว่า โอหนอ ขอเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย พึงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเรา ดังนี้ แม้ถึง อย่างนั้น เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ก็ไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา ภิกษุนั้น ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญูย่อมพิจารณา เห็นซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่ยังละไม่ได้ของเธอ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนความปรารถนา พึงบังเกิดขึ้นแก่ม้าตัวโง่เขลา อย่างนี้ว่า โอหนอ ขอมนุษย์ทั้งหลายพึงตั้งเราไว้ ในตำแหน่งม้าอาชาไนยเถิด พึงให้เรา กินอาหาร สำหรับม้าอาชาไนยเถิด และพึงขัดสีเราให้เหมือนม้าอาชาไนยเถิด ดังนี้ แม้ถึงอย่างนั้น มนุษย์ทั้งหลายก็ไม่ตั้งม้านั้นไว้ ในตำแหน่งม้าอาชาไนยไม่ให้กินอาหาร เหมือนม้า อาชาไนย ไม่ขัดสีให้เหมือนม้าอาชาไนย ข้อนี้เพราะเหตุไร เพราะมนุษย์ ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญูพิจารณาเห็นความโอ้อวด ความโกงความไม่ตรง ความคด ซึ่งยังละไม่ได้ ของม้านั้น แม้ฉันใด

            ดูกรภิกษุทั้งหลายความปรารถนาพึงบังเกิดขึ้น แก่ภิกษุเห็นปานนั้นอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายพึงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเรา ดังนี้ แม้ถึง อย่างนั้น เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายก็ไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชาภิกษุนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญู ย่อมพิจารณาเห็น อกุศลธรรมอันลามก ซึ่งยังละไม่ได้ของภิกษุนั้น ฉันนั้นเหมือนกันแล

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่ก่ออธิกรณ์ กล่าวสรรเสริญ การระงับ อธิกรณ์ แม้ข้อที่ภิกษุ ไม่เป็นผู้ก่ออธิกรณ์ กล่าวสรรเสริญการระงับอธิกรณ์นี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา กล่าวสรรเสริญการสมาทาน ในการศึกษา แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา กล่าวสรรเสริญการสมาทานในการ ศึกษานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย กล่าวสรรเสริญการกำจัด ความปรารถนา แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ปรารถนาน้อย กล่าวสรรเสริญการกำจัดความ ปรารถนานี้ ย่อมเป็นไป เพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกันเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ไม่โกรธ กล่าวสรรเสริญการกำจัดความโกรธ แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ ไม่โกรธ กล่าวสรรเสริญการกำจัดความโกรธนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อ ความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ไม่ลบหลู่ กล่าวสรรเสริญการกำจัดความลบหลู่ แม้ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้ไม่ลบหลู่ กล่าวสรรเสริญการกำจัดความลบหลู่นี้ ย่อมเป็นไปเพื่อ ความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ไม่โอ้อวด กล่าวสรรเสริญการกำจัดความโอ้อวด แม้ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้ไม่โอ้อวด กล่าวสรรเสริญ การกำจัดความโอ้อวดนี้ ย่อมเป็นไป เพื่อความเป็น ที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ไม่มีมายา กล่าวสรรเสริญการกำจัดมายา ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้ ไม่มี มายา กล่าวสรรเสริญ การกำจัดมายานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้เพ่งเล็งธรรมทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญการเพ่งเล็ง ธรรมทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุเป็นผู้เพ่งเล็งธรรมทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญการเพ่งเล็งธรรม ทั้งหลายนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่ กล่าวสรรเสริญการหลีกออกเร้น แม้ข้อที่ ภิกษุเป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่ กล่าวสรรเสริญการหลีกออกเร้นนี้ ย่อมเป็นไป เพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้กระทำการปฏิสันถาร เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญ การกระทำปฏิสันถาร แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้กระทำ ปฏิสันถารเพื่อน พรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญ การกระทำปฏิสันถารนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความ เป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่อง ที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถึงความปรารถนา ไม่พึงบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เห็นปานนี้ อย่างนี้ว่า โอหนอขอเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย พึงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเรา ดังนี้ ถึงอย่างนั้น เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ก็สักการะ เคารพ นับถือ บูชาภิกษุนั้น ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญู ย่อมพิจารณา เห็นอกุศลธรรม ทั้งหลายอันลามก ที่ละได้แล้วของเธอ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนความปรารถนา ไม่พึงบังเกิดขึ้นแก่ม้า อาชาไนย ตัวเจริญ อย่างนี้ว่า โอหนอ มนุษย์ทั้งหลายพึงตั้งเราไว้ในตำแหน่งม้า อาชาไนย พึงให้เรากินอาหาร สำหรับม้าอาชาไนย และพึงขัดสีเราให้เหมือนขัดสีม้า อาชาไนย เถิด แม้ถึงอย่างนั้น มนุษย์ทั้งหลาย ก็ย่อมตั้งม้านั้นไว้ในตำแหน่ง ม้าอาชาไนย ย่อมให้กินอาหารสำหรับ ม้าอาชาไนย ย่อมขัดสีให้เหมือนขัดสีม้า อาชาไนย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมนุษย์ ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญู ย่อมเห็นความโอ้อวด ความโกง ความไม่ตรง ความคด ซึ่งละได้แล้ว ของม้านั้น แม้ฉันใด

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถึงความปรารถนาไม่พึงบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เห็นปานนี้ อย่างนี้ว่า โอหนอ ขอเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายพึงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเรา ดังนี้ ถึงอย่างนั้น เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายก็สักการะ เคารพ นับถือ บูชาภิกษุนั้น ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะเพื่อน พรหมจรรย์ทั้งหลายผู้เป็นวิญญู ย่อมพิจารณาเห็นอกุศลธรรม อันลามกที่ละได้แล้วของเธอ ฉันนั้น เหมือนกันแล

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์