เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

วาหุนสูตร ตถาคตพ้นจากกิเลส อานันทสูตร ข้อที่ไม่เป็นฐานะฯ พยสนสูตร ความฉิบหายของภิกษุ พลสูตร 2348
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

วาหุนสูตร : ตถาคตพ้นจากธรรม ๑๐ ประการแล้ว
พ้นจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ พ้จากทุกข์ พ้นจากกิเลส

อานันทสูตร : ข้อที่ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ภิกษผู้ทุศีล มีการสดับน้อย เป็นผู็ว่ายาก มีมิตรชั่ว เกียจคร้าน มีสติเลอะเลือน ไม่สันโดษ ปรารถนาลามก มีความเห็นผิด จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็น ฐานะที่จะมีได้

พยสนสูตร : ความฉิบหายของภิกษุ ๑๐ อย่าง
   ไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
   เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
   สัทธรรมไม่ผ่องแผ้ว
   เข้าใจว่าตนได้บรรลุพระสัทธรรม
   ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
   ต้องอาบัติเศร้าหมอง
   ...ฯลฯ

พลสูตร : กำลังของพระขีณาสพ ๑๐ ประการ (พระอรหันต์ผู้หลุดพ้น)
   ๑ เป็นผู้พิจารณาเห็น สังขาร ทั้งปวงโดยความเป็นของไม่เที่ยง
   ๒ เป็นผู้พิจารณาเห็นกามทั้งหลาย เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง
   ๓ เป็นผู้มีจิตโน้มไป น้อมไป โอนไปในวิเวก ยินดียิ่ง ในเนกขัมมะ
   ๔ เป็นผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
   ๕ เป็นผู้เจริญสัมมัปปธาน ๔ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
   ๖ เป็นผู้เจริญอิทธิบาท ๔ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
   ๗ เป็นผู้เจริญอินทรีย์ ๕ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
   ๘ เป็นผู้เจริญพละ ๕ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
   ๙ เป็นผู้เจริญโพชฌงค์ ๗ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
   ๑๐ เป็นผู้เจริญมรรค ๘ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๔

วาหุนสูตร
ตถาคตพ้นจากธรรม ๑๐ ประการแล้ว

            [๘๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโปกขรณี ชื่อคัคคราใกล้ จัมปานคร ครั้งนั้นแล ท่านพระวาหุนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

             ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระตถาคต สลัดออกปราศจากหลุดพ้นจากธรรมเท่าไรหนอ จึงชื่อว่ามีพระทัยปราศจากแดน กิเลสอยู่

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

            ดูกรวาหุนะ พระตถาคตสลัดออกปราศจาก หลุดพ้นจากธรรม ๑๐ ประการแล จึงชื่อว่ามีพระทัยปราศจากแดนกิเลสอยู่ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ พระตถาคตสลัดออกปราศจากหลุดพ้น
จากรูป ๑ จากเวทนา ๑ จากสัญญา ๑ จากสังขาร ๑ จากวิญญาณ ๑ (ขันธ์๕)
จากชาติ ๑ จากชรา ๑ จากมรณะ ๑ จากทุกข์ ๑ จากกิเลส ๑
             จึงชื่อว่ามีพระทัยปราศจากแดนกิเลสอยู่

            ดูกรวาหุนะ พระตถาคตสลัดออก ปราศจาก หลุดพ้นจากธรรม ๑๐ ประการนี้แล จึงชื่อว่ามีพระทัยปราศจากแดนกิเลสอยู่ เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม หรือ ดอกปุณฑริก ที่เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ ขึ้นพ้นแล้วจากน้ำ ไม่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำ ตั้งอยู่ ฉะนั้น


------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๔-๑๕๕

อานันทสูตร
ข้อที่ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

            [๘๒] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่าน พระอานนท์ว่า

            ดูกรอานนท์ ภิกษุเป็นผู้ไม่มีศรัทธา จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุเป็นผู้ทุศีล ... ภิกษุเป็นผู้มีการสดับน้อย ... ภิกษุเป็นผู้ว่ายาก ... ภิกษุเป็นผู้มีมิตรชั่ว ... ภิกษุเป็นผู้เกียจคร้าน ... ภิกษุเป็นผู้มีสติ เลอะเลือน ... ภิกษุเป็นผู้ไม่สันโดษ ... ภิกษุเป็นผู้มีความปรารถนาลามก ... ภิกษุเป็นผู้ มีความเห็นผิด จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
            ดูกรอานนท์ ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จักถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

            ดูกรอานนท์ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรมวินัย นี้ ข้อนี้จึงเป็นฐานะที่มีได้ ภิกษุเป็นผู้มีศีล ... ภิกษุเป็นพหูสูตทรงไว้ซึ่งสุตะ ... ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดีงาม ... ภิกษุเป็นผู้ปรารภความเพียร ... ภิกษุเป็นผู้มีสติตั้งมั่น ... ภิกษุเป็นผู้สันโดษ ... ภิกษุเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย ... ภิกษุเป็นผู้มีความเห็นชอบ จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้จึงเป็นฐานะที่มีได้
            ดูกรอานนท์ ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จักถึงความเจริญงอกงาม ไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้


------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๖๘-๑๖๙

พยสนสูตร
ความฉิบหายของภิกษุ ๑๐ อย่าง

            [๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส

ความฉิบหาย ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ


๑. ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
๒. เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓. สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔. เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย
๕. เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
๖. ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗. ย่อมถูกโรคอย่างหนัก
๘. ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน
๙. เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ
๑๐. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษ เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษ พระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย๑๐ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส


------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๗๓-๑๗๕

พลสูตร
กำลังของพระขีณาสพ ๑๐ ประการ
(พระอรหันต์ผู้หลุดพ้น)

            [๙๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาค ได้ตรัสถามท่าน พระสารีบุตรว่า ดูกรสารีบุตร กำลังของภิกษุขีณาสพมีเท่าไรหนอ ที่ภิกษุขีณาสพ ประกอบแล้ว ย่อมปฏิญาณความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว

            ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุขีณาสพมี ๑๐ ประการ ที่ภิกษุขีณาสพประกอบ แล้วปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว

กำลัง ๑๐ ประการเป็นไฉน


           (๑) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุขีณาสพ ในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้พิจารณาเห็น สังขาร ทั้งปวงโดยความเป็นของไม่เที่ยง ด้วยปัญญา อันชอบ ตามความเป็นจริง ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญแม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพ เป็นผู้พิจารณาเห็นสังขารทั้งปวง โดยความ เป็นของไม่เที่ยง ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของภิกษุ ขีณาสพ ที่ภิกษุขีณาสพได้อาศัยปฏิญาณความสิ้นไป แห่ง อาสวะ ทั้งหลายว่า อาสวะของเรา สิ้นแล้ว

           (๒) อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้พิจารณาเห็นกามทั้งหลายเปรียบเหมือน หลุมถ่านเพลิง ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ ภิกษุขีณาสพเป็นผู้พิจารณาเห็นกามทั้งหลาย เปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง ด้วยปัญญา อันชอบ ตามความเป็นจริง นี้ก็เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ...

          (๓)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้มีจิตโน้มไป น้อมไป โอนไปในวิเวก ยินดียิ่ง ในเนกขัมมะ เป็นจิตสิ้นไปจากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ โดยประการทั้งปวง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเป็นผู้มีจิตโน้มไปน้อมไป โอนไปในวิเวก ตั้งอยู่ในวิเวก ยินดีในเนกขัมมะ เป็นจิตสิ้นไปจากธรรม อันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ โดยประการทั้งปวง นี้ ก็เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ...

         (๔)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญดีแล้วนี้ ก็เป็นกำลัง ของภิกษุขีณาสพ ...

         (๕)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญสัมมัปปธาน ๔ เจริญดีแล้ว ...
         (๖)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอิทธิบาท ๔ เจริญดีแล้ว ...
         (๗)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอินทรีย์ ๕ เจริญดีแล้ว ...
         (๘)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญพละ ๕ เจริญดีแล้ว ...
         (๙) อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญโพชฌงค์ ๗ เจริญดีแล้ว ...
         (๑๐)  อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ เจริญดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพ เป็นผู้เจริญอริยมรรคประกอบ ด้วย องค์ ๘ เจริญดีแล้วนี้ ก็เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ที่ภิกษุขีณาสพ อาศัยปฏิญาณ ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว

            ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุขีณาสพมี ๑๐ ประการนี้แล ที่ภิกษุ
ขีณาสพ ประกอบแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเรา สิ้นแล้ว

 

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์