พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๖
สามเณรสูตร
คุณสมบัติของภิกษุผู้ให้สามเณรอุปัฏฐาก
(ตรัสกับอุบาลี)
อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอแล พึงให้สามเณร อุปัฏฐาก
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการแล พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติ เห็นภัยในโทษ อันมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
๒ เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
๓ ปาติโมกข์เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นเรียนดีแล้ว ฯลฯ
๔ ภิกษุนั้นเป็นผู้สามารถเพื่ออุปัฏฐากเอง หรือเพื่อให้ผู้อื่นอุปัฏฐาก ซึ่งสัทธิวิหาริก ผู้เป็นไข้
๕ เป็นผู้สามารถเพื่อระงับเองหรือเพื่อให้ผู้อื่น ช่วยระงับซึ่งความไม่ยินดียิ่ง
๖ เป็นผู้สามารถเพื่อบรรเทาความรำคาญที่เกิดขึ้นแล้วโดยธรรม
๗ เป็นผู้สามารถเพื่อเปลื้องความเห็นผิดที่เกิดขึ้นแล้วโดยธรรม
๘ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิศีล
๙ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิจิต
๑๐ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิปัญญา
ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๖-๗๗
อุปาลิสังฆเภทสูตร
เหตุให้สงฆ์แตกกัน (ตรัสกับอุบาลี)
[๓๕] อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆเภท สังฆเภทดังนี้ สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้
๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่า เป็นธรรม
๒ ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่าไม่เป็นธรรม
๓ ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่วินัยว่าเป็นวินัย
๔ ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นวินัยว่าไม่เป็นวินัย
๕ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ไม่ได้บอกไว้ว่า ตถาคตกล่าวไว้บอกไว้
๖ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตกล่าวไว้บอกไว้ว่า ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ไม่ได้บอกไว้
๗ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่เคยประพฤติมาว่า ตถาคตเคยประพฤติมา
๘ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตเคยประพฤติมาว่า ตถาคตไม่เคยประพฤติมา
๙ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่บัญญัติไว้ว่า ตถาคตบัญญัติไว้
๑๐ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่า ตถาคตไม่บัญญัติไว้
ภิกษุเหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกัน แยกจากกัน ทำสังฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์ แยกจากกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการนี้
ดูกรอุบาลี สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๗-๗๘
อุปาลิสามัคคีสูตร
เหตุให้สงฆ์สามัคคีกัน (ตรัสกับอุบาลี)
[๓๖] อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆสามัคคี สังฆสามัคคี ดังนี้ สงฆ์จะเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้
๑ ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าไม่ใช่ธรรม
๒ ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่าเป็นธรรม
๓ ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่เป็นวินัยว่าไม่เป็นวินัย
๔ ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย
๕ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ไม่ได้บอกไว้ว่า ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ ไม่ได้บอกไว้
๖ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตกล่าวไว้บอกไว้ว่าตถาคตกล่าวไว้บอกไว้
๗ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่เคยประพฤติมาว่า ตถาคตไม่เคยประพฤติมา
๘ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตเคยประพฤติมาว่า ตถาคตเคยประพฤติมา
๙ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติว่า ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้
๑๐ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่าตถาคตบัญญัติไว้
ภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่ทอดทิ้งกัน ไม่แยกจากกัน ไม่ทำสังฆกรรมแยกจากกัน ไม่สวดปาติโมกข์แยกจากกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการนี้
ดูกรอุบาลี สงฆ์ย่อมเป็นผู้พร้อมเพรียงกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๘-๗๙
อานันทสังฆเภทสูตร
เหตุให้สงฆ์แตกกัน (ตรัสกับพระอานนท์)
[๓๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆเภท สังฆเภท ดังนี้ สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร หนอแล
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงสิ่ง
ที่ไม่ใช่ ธรรมว่าเป็นธรรม ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่า ไม่ใช่ธรรม ... ย่อมแสดง
สิ่งที่ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ตถาคตบัญญัติไว้ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคต
บัญญัติไว้ว่า ตถาคตไม่ได้ บัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกัน ย่อมแยกจากกัน ย่อมทำสังฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์แยกจากกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการ
นี้
ดูกรอานนท์ สงฆ์จะเป็นผู้แตกกัน ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
[๓๘] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียง
กัน จะประสพผลอะไร พระเจ้าข้า
พ. ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้นจะประสพผล
อันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่ง
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่ง คือ
อะไร พระเจ้าข้า
พ. ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้นจะเสวยผล
กรรม อยู่ในนรกตลอดกัปหนึ่ง บุคคลผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ยินดีแล้วในการแตกแยก
ตั้งอยู่ ในอธรรม เป็นผู้เข้าถึงอบาย เข้าถึงนรก ตั้งอยู่ใน
นรกนั้นตลอดกัปหนึ่ง ย่อมพลาดจาก ธรรมเป็นแดนเกษม
จากโยคะ ย่อมเสวยกรรมอยู่ในนรกตลอดกัปหนึ่ง เพราะทำลายสงฆ์ ผู้พร้อมเพรียงกันให้แตกกัน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๙-๘๐
อานันทสังฆสามัคคีสูตร
เหตุให้สงฆ์สามัคคีกัน (ตรัสกับพระอานนท์)
[๓๙] ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆสามัคคี สังฆสามัคคี ดังนี้ สงฆ์จะเป็นผู้พร้อมเพรียงกันด้วยเหตุ มีประมาณเท่าไร หนอแล
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าไม่ใช่ธรรม
ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่าเป็นธรรม ...
ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตได้บัญญัติไว้ว่า ตถาคตได้บัญญัติไว้
ภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่ทอดทิ้งกัน ไม่แยกจากกัน ไม่ทำสังฆกรรมแยกกัน ไม่สวดปาติโมกข์แยกกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการนี้
ดูกรอานนท์ สงฆ์ย่อมเป็นผู้พร้อมเพรียงกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
[๔๐] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บุคคลผู้สมานสงฆ์ผู้แตกกันแล้ว ให้พร้อมเพรียงกัน จะประสพผลอะไร พระเจ้าข้า
พ. ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำสงฆ์ผู้แตกกันแล้วให้พร้อมเพรียงกันนั้น จะประสพบุญอันประเสริฐ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุญอันประเสริฐคืออะไร พระเจ้าข้า
พ. ดูกรอานนท์ บุคคลผู้สมานสงฆ์ผู้แตกกันแล้วให้พร้อมเพรียงกันนั้น จะบันเทิง อยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง ความพร้อมเพรียงแห่งสงฆ์ เป็นเหตุให้เกิด ความสุข และ บุคคลผู้อนุเคราะห์ สงฆ์ ผู้พร้อมเพรียงกันแล้ว ผู้ยินดีแล้วใน ความ พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่พลาดจาก ธรรม เป็นแดนเกษมจากโยคะ ย่อมบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง เพราะสมานสงฆ์ให้พร้อมเพรียงกัน (สวรรค์ชั้นพรหม) |