เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อุปาลิสูตรที่ ๑ อำนาจประโยชน์ อุปาลิสูตรที่ ๒ อุพพาหสูตร อุปสัมปทาสูตร นิสสยสูตร 2332
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

อุปาลิสูตรที่ ๑ อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ (ตรัสกับพระอุบาลี)
พระตถาคตทรงอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร จึงทรงบัญญัติสิกขาบท
เพื่อความตั้งอยู่ด้วยดีแห่งสงฆ์
เพื่อความอยู่สำราญแห่งสงฆ์
เพื่อความเลื่อมใสแห่งบุคคล
เพื่อความตั้งมั่นแห่งสัทธรรม
...ฯลฯ
อุปาลิสูตรที่ ๒ เหตุงดสวดปาติโมกข์ ๑๐ ประการ (ตรัสกับพระอุบาลี)
ภิกษุผู้ต้องปาราชิกนั่งอยู่ในบริษัทนั้น
อนุปสัมบัน(สามเณร คฤหัสถ์)นั่งอยู่ในบริษัทนั้น
ผู้บอกลาสิกขานั่งอยู่ในบริษัทนั้น
บัณเฑาะก์(กระเทย)นั่งอยู่ในบริษัทนั้น
...ฯลฯ
อุพพาหสูตร คุณสมบัติของภิกษุผู้รื้อฟื้นอธิกรณ์ (ตรัสกับพระอุบาลี)
ภิกษุประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอแล สงฆ์พึงสมมติเพื่อให้เป็นผู้รื้อฟื้นอธิกรณ์
เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในปาติโมกขสังวร
เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ
รู้อธิกรณ์ รู้เหตุเป็นที่เกิดขึ้นแห่งอธิกรณ์
รู้ความดับแห่งอธิกรณ์ รู้ทางปฏิบัติเป็นเครื่องถึงความดับอธิกรณ์
...ฯลฯ

อุปสัมปทาสูตร คุณสมบัติของภิกษุผู้ให้อุปสมบท (ตรัสกับพระอุบาลี)
เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร
เป็นพหูสูต ทรงสุตะสั่งสมสุตะ
ปาติโมกข์เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว
เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิศีล
เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิจิต
เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิปัญญา
..ฯลฯ
นิสสยสูตร คุณสมบัติของภิกษุผู้ให้นิสสัย (ให้การพึ่งพา ให้การอบรม) (ตรัสกับพระอุบาลี)
เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร
เป็นพหูสูต ทรงสุตะสั่งสมสุตะ
ปาติโมกข์เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว
เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิศีล
เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิจิต
เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิปัญญา
..ฯลฯ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๓-๗๔

อุปาลิสูตรที่ ๑
อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ
(ตรัสกับพระอุบาลี)


            [๓๑] ... ครั้งนั้นแล ท่านพระอุบาลี ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระตถาคตทรงอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร หนอแล จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ทรงแสดงปาติโมกข์แก่สาวกทั้งหลาย

            พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอุบาลี ตถาคตอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการแล จึงบัญญัติสิกขาบท แสดงปาติโมกข์แก่สาวกทั้งหลาย ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
       ๑ เพื่อความตั้งอยู่ด้วยดีแห่งสงฆ์
       ๒ เพื่อความอยู่สำราญแห่งสงฆ์
       ๓ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก
       ๔ เพื่อการอยู่สำราญแห่งภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลเป็นที่รัก
       ๕ เพื่อป้องกันอาสวะทั้งหลายอันเป็นไปในปัจจุบัน
       ๖ เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันเป็นไปในสัมปรายภพ
       ๗ ทั้งหลายผู้ยังไม่เลื่อมใส
       ๘ เพื่อความเจริญยิ่งแห่งความเลื่อมใสของบุคคลทั้งหลายผู้เลื่อมใสแล้ว
       ๙ เพื่อความตั้งมั่นแห่งสัทธรรม
       ๑๐ เพื่ออนุเคราะห์วินัย

            ดูกรอุบาลี ตถาคตอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการนี้แล จึงบัญญัติสิกขาบท แสดงปาติโมกข์แก่สาวกทั้งหลาย


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๓-๗๔

อุปาลิสูตรที่ ๒
เหตุงดสวดปาติโมกข์ ๑๐ ประการ
(ตรัสกับพระอุบาลี)

            อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การหยุดสวดปาติโมกข์มีกี่ประการ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรอุบาลี การหยุดสวดปาติโมกข์มี ๑๐ ประการ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
       ๑ ภิกษุผู้ต้องปาราชิกนั่งอยู่ในบริษัทนั้น
       ๒ กถาปรารภปาราชิกเป็นเรื่องยังทำค้างอยู่
       ๓ อนุปสัมบันนั่งอยู่ในบริษัทนั้น
       ๔ กถาปรารภอนุปสัมบันเป็นเรื่องยังทำค้างอยู่
       ๕ ผู้บอกลาสิกขานั่งอยู่ในบริษัทนั้น
       ๖ กถาปรารภผู้บอกลาสิกขาเป็นเรื่องยังทำค้างอยู่
       ๗ บัณเฑาะก์นั่งอยู่ในบริษัทนั้น
       ๘ กถาปรารภบัณเฑาะก์เป็นเรื่องยังทำค้างอยู่
       ๙ ผู้ประทุษร้ายนางภิกษุณีนั่งอยู่ในบริษัทนั้น
       ๑๐ กถาปรารภผู้ประทุษร้ายนางภิกษุณีเป็นเรื่องยังทำค้างอยู่

            ดูกรอุบาลี การหยุดสวดปาติโมกข์มี ๑๐ ประการนี้แล


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๔-๗๕

อุพพาหสูตร
คุณสมบัติของภิกษุผู้รื้อฟื้นอธิกรณ์
(ตรัสกับพระอุบาลี)


            [๓๒] อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอแล สงฆ์พึงสมมติเพื่อให้เป็นผู้รื้อฟื้นอธิกรณ์

            พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการแล สงฆ์พึงสมมติ เพื่อให้เป็นผู้รื้อฟื้นอธิกรณ์ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้

       ๑ เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติ เห็นภัยในโทษทั้งหลาย อันมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
       ๒เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้สดับมาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอด ด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศ พรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
       ๓ ปาติโมกข์ทั้ง ๒ เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว จำแนกดีแล้ว กล่าวดีแล้ว โดย พิสดาร วินิจฉัยดีแล้วโดยสูตรโดยอนุพยัญชนะ
       ๔ อนึ่ง ภิกษุนั้นเป็นผู้เคร่งครัดในวินัยไม่ง่อนแง่น
       ๕ เป็นผู้สามารถเพื่ออันยังคู่ความทั้ง ๒ ฝ่ายให้ยินยอม ให้ตรวจดู ให้เห็นเหตุผล ให้เลื่อมใสได้
       ๖ เป็นผู้ฉลาดในการยังอธิกรณ์อันเกิดขึ้นให้ระงับ
       ๗ รู้อธิกรณ์
       ๘ รู้เหตุเป็นที่เกิดขึ้นแห่งอธิกรณ์
       ๙ รู้ความดับแห่งอธิกรณ์
       ๑๐ รู้ทางปฏิบัติเป็นเครื่องถึงความดับอธิกรณ์

            ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล สงฆ์พึงสมมติเพื่อให้เป็น ผู้รื้อฟื้นอธิกรณ์


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๕

อุปสัมปทาสูตร
คุณสมบัติของภิกษุผู้ให้อุปสมบท
(ตรัสกับพระอุบาลี)

            [๓๓] อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอแล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท

            พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการแล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้

       ๑ เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติ เห็นภัยในโทษ อันมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

       ๒ เป็นพหูสูต ทรงสุตะสั่งสมสุตะ เป็นผู้สดับมาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง

       ๓ ปาติโมกข์เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว จำแนกดีแล้ว ให้เป็นไปดีแล้ว โดยพิสดาร วินิจฉัยดีแล้วโดยสูตรโดยอนุพยัญชนะ

       ๔ ภิกษุนั้นเป็นผู้สามารถเพื่ออุปัฏฐากเองหรือเพื่อให้ผู้อื่นอุปัฏฐาก ซึ่งสัทธิวิหาริก ผู้เป็นไข้

      ๕ เป็นผู้สามารถเพื่อระงับเองหรือให้ผู้อื่นระงับความไม่ยินดียิ่ง (ของสัทธิวิหาริก)
      ๖ เป็นผู้สามารถเพื่อบรรเทาความรำคาญอันเกิดขึ้นแล้วได้โดยธรรม
      ๗ เป็นผู้สามารถเพื่อเปลื้องความเห็นผิดอันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม
      ๘ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิศีล
      ๙ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิจิต
      ๑๐ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิปัญญา

            ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๖

นิสสยสูตร
คุณสมบัติของภิกษุผู้ให้นิสสัย (ให้การพึ่งพา ให้การอบรม)
(ตรัสกับพระอุบาลี)

            [๓๔] อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอแล พึงให้นิสัย ฯลฯ

(ฉบับหลวงไม่ได้ลงไว้ แต่เนื้อความเช่นเดียวกับอุปสัมปทาสูตร จึงเติมเต็มตามฉบับมหาจุฬา)

             พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการแล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้

       ๑ เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติ เห็นภัยในโทษ อันมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

       ๒ เป็นพหูสูต ทรงสุตะสั่งสมสุตะ เป็นผู้สดับมาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง

       ๓ ปาติโมกข์เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว จำแนกดีแล้ว ให้เป็นไปดีแล้ว โดยพิสดาร วินิจฉัยดีแล้วโดยสูตรโดยอนุพยัญชนะ

       ๔ ภิกษุนั้นเป็นผู้สามารถเพื่ออุปัฏฐากเองหรือเพื่อให้ผู้อื่นอุปัฏฐาก ซึ่งสัทธิวิหาริก ผู้เป็นไข้

      ๕ เป็นผู้สามารถเพื่อระงับเองหรือให้ผู้อื่นระงับความไม่ยินดียิ่ง (ของสัทธิวิหาริก)
      ๖ เป็นผู้สามารถเพื่อบรรเทาความรำคาญอันเกิดขึ้นแล้วได้โดยธรรม
      ๗ เป็นผู้สามารถเพื่อเปลื้องความเห็นผิดอันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม
      ๘ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิศีล
      ๙ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิจิต
      ๑๐ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิปัญญา

            ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล พึงให้นิสสัยได้

 

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์