พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๕๙-๖๒
มหาปัญหาสูตรที่ ๒
ว่าด้วยปัญหาใหญ่ สูตร๒
อุบาสก สนทนากับ กชังคลาภิกษุณี
[๒๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ป่าไผ่ ใกล้กชังคลนครครั้งนั้นแล อุบาสกชาวเมืองกชังคละ มากด้วยกัน เข้าไปหากชังคลาภิกษุณีถึงที่อยู่ อภิวาท กชังคลาภิกษุณีแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ถามกชังคลาภิกษุณีว่า ข้าแต่แม่เจ้า พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสไว้ในมหาปัญหาทั้งหลายว่า
ปัญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ์ ๑
ปัญหา ๒ อุเทศ ๒ ไวยากรณ์ ๒
ปัญหา ๓ อุเทศ ๓ ไวยากรณ์ ๓
ปัญหา ๔ อุเทศ ๔ ไวยากรณ์ ๔
ปัญหา ๕ อุเทศ ๕ ไวยากรณ์ ๕
ปัญหา ๖ อุเทศ ๖ ไวยากรณ์ ๖
ปัญหา ๗ อุเทศ ๗ไวยากรณ์ ๗
ปัญหา ๘ อุเทศ ๘ ไวยากรณ์ ๘
ปัญหา ๙ อุเทศ ๙ ไวยากรณ์ ๙
ปัญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ์ ๑๐ ดังนี้
ข้าแต่แม่เจ้า เนื้อความ แห่งพระดำรัส ที่พระผู้มีพระภาคตรัสโดยย่อนี้ จะพึง เห็นโดยพิสดารได้อย่างไรหนอ
กชังคลาภิกษุณี ตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระดำรัสนี้เราได้สดับ รับฟัง มาแล้ว ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ก็หามิได้ เราได้สดับรับฟัง มาแล้ว ในที่เฉพาะหน้าของภิกษุทั้งหลาย ผู้สำเร็จทางใจก็หามิได้ ก็แต่ว่าเนื้อความ ในพระพุทธภาษิตนี้ ย่อมปรากฏแก่เราอย่างไร
ท่านทั้งหลายจงฟังเนื้อความแห่ง พระพุทธภาษิตนั้นอย่างนั้น จงทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าว พวกอุบาสกชาวเมือง กชังคละ รับคำของกชังคลาภิกษุณีแล้ว กชังคลาภิกษุณี ได้กล่าวว่า
ก็พระดำรัสที่ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสแล้วว่า ปัญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ์ ๑ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลายภิกษุเมื่อหน่าย โดยชอบ
คลายกำหนัดโดยชอบ
หลุดพ้น โดยชอบ
มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ
บรรลุประโยชน์ โดยชอบ ในธรรมอย่าง ๑ ย่อมเป็น ผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน ในธรรมอย่าง ๑ เป็นไฉน คือ สัตว์ทั้งปวงมีอาหาร เป็นที่ตั้ง ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อหน่าย โดยชอบ คลายกำหนัดโดยชอบ หลุดพ้น โดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุ ประโยชน์โดยชอบ ในธรรมอย่าง ๑ นี้แล ย่อมเป็นผู้ทำ ที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วว่า ปัญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ์ ๑ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยข้อนี้ตรัสแล้ว
ก็พระดำรัส ที่พระองค์ ตรัสว่า ปัญหา ๒ อุเทศ ๒ ไวยากรณ์ ๒ ดังนี้ พระองค์ ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบคลายกำหนัด โดยชอบ หลุดพ้น โดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๒ อย่าง ย่อมเป็น ผู้ทำที่สุดทุกข์ ได้ในปัจจุบันใน ธรรม ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ในนาม ๑ ในรูป ๑ ...
ก็พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๓ อุเทศ ๓ ไวยากรณ์ ๓ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบ คลาย กำหนัดโดยชอบ หลุดพ้นโดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๓ อย่าง ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบันใน ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ในเวทนา ๓ ...
ก็พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๔ อุเทศ ๔ ไวยากรณ์ ๔ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตอันอบรมดีแล้ว โดยชอบ มีปรกติเห็น ที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบในธรรม ๔ อย่าง ย่อมเป็น ผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ ในปัจจุบัน ในธรรม ๔ อย่างเป็นไฉน คือ ในสติปัฏฐาน ๔
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตอันอบรมดีแล้วโดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุด โดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๔ อย่างนี้แล ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ใน ปัจจุบัน พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๔ อุเทศ ๔ ไวยากรณ์ ๔ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยข้อนี้ตรัสแล้ว
ก็พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๕ อุเทศ ๕ ไวยากรณ์ ๕ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตอันอบรมดีแล้ว โดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุด โดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๕ อย่าง ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ ในปัจจุบัน ในธรรม ๕ อย่างเป็นไฉน คือใน อินทรีย์ ๕ ...
ในธรรม ๖ อย่างเป็นไฉน คือใน นิสสรณียธาตุ ๖ ... (ธาตุ๖)
ในธรรม ๗ อย่างเป็นไฉน คือใน โพชฌงค์ ๗ ...
ในธรรม ๘ อย่างเป็นไฉน คือใน อริยมรรคมีองค์ ๘ ...
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตอันอบรมดีแล้วโดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุด โดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๘ อย่างนี้แลย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ ได้ในปัจจุบัน พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๘ อุเทศ ๘ ไวยากรณ์ ๘ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยข้อนี้ตรัสแล้ว
ก็พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๙ อุเทศ ๙ ไวยากรณ์ ๙ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบ คลาย กำหนัดโดยชอบ หลุดพ้น โดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๙ อย่าง ย่อมเป็น ผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบันใน ธรรม ๙ อย่างเป็นไฉน คือ ใน สัตตาวาส ๙ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบ คลายกำหนัดโดยชอบ หลุดพ้น โดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๙ อย่างนี้แล ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๙ อุเทศ ๙ไวยากรณ์ ๙ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยข้อนี้ตรัสแล้ว
ก็พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ์ ๑๐ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตอันอบรมดีแล้ว โดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๑๐ อย่าง ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน ในธรรม ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือใน กุศลธรรม ๑๐ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตอันอบรมดีแล้วโดยชอบ มีปรกติเห็นที่สุด โดยชอบ บรรลุประโยชน์โดยชอบ ในธรรม ๑๐ อย่างนี้แลย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ ได้ในปัจจุบัน พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ปัญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ์ ๑๐ ดังนี้ พระองค์ทรงอาศัยข้อนี้ตรัสแล้ว
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาค ตรัสในมหาปัญหาทั้งหลายว่า ปัญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ์ ๑ ฯลฯ ปัญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ไวยากรณ์ ๑๐ เราย่อมรู้ทั่วถึง เนื้อความแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้โดยย่อนี้ โดยพิสดารอย่างนี้ ดังนี้แล ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ก็แลท่านทั้งหลายจำนงอยู่ พึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้ว ทูลสอบถามความข้อนี้ พระผู้มีพระภาคของเราทรงพยากรณ์อย่างใด ท่านทั้งหลาย พึงทรงจำความนั้นไว้อย่างนั้นเถิด
พวกอุบาสกชาวเมืองกชังคละรับคำว่า อย่างนั้นแม่เจ้า แล้วชื่นชมอนุโมทนา ภาษิตของกชังคลาภิกษุณี ลุกจากอาสนะ อภิวาทกชังคลาภิกษุณีทำประทักษิณแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว จึงกราบทูลถ้อยคำที่สนทนากับกชังคลาภิกษุณีนั้น ทั้งหมดแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละๆ คหบดีทั้งหลาย กชังคลาภิกษุณีเป็นบัณฑิต มีปัญญามาก ดูกรคหบดีทั้งหลาย ถ้าแม้ท่านทั้งหลายพึงเข้ามาหาเรา แล้วถาม เนื้อความ นี้ไซร้ แม้เราก็พึงพยากรณ์เนื้อความ เหมือนอย่างที่กชังคลาภิกษุณี พยากรณ์แล้ว และเนื้อความของคำนั้น คือนี้แหละ ท่านทั้งหลาย พึงทรงจำ เนื้อความไว้อย่างนั้นแหละ |