พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๙๔
หิริสูตร
[๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อไม่มีหิริ และโอตตัปปะ อินทรีย์สังวร ของบุคคล ผู้มีหิริและโอตตัปปะวิบัติ ย่อมมีอุปนิสัยถูกกำจัด
เมื่อไม่มีอินทรีย์สังวร ศีลของบุคคลผู้มีอินทรีย์สังวรวิบัติ ย่อมมีอุปนิสัยถูกกำจัด
เมื่อไม่มีศีล สัมมาสมาธิของบุคคลผู้มีศีลวิบัติ ย่อมมีอุปนิสัยถูกกำจัด
เมื่อไม่มีสัมมาสมาธิ ยถาภูตญาณทัสสนะของบุคคลผู้มีสัมมาสมาธิวิบัติ ย่อมมี อุปนิสัยถูกกำจัด
เมื่อไม่มียถาภูตญาณทัสสนะ นิพพิทาและวิราคะ ของบุคคลผู้มียถาภูตญาณ ทัสสนะ วิบัติ ย่อมมีอุปนิสัยถูกกำจัด
เมื่อไม่มีนิพพิทาและวิราคะ วิมุตติญาณทัสสนะของบุคคล ผู้มีนิพพิทาและวิราคะ วิบัติ ย่อมมีอุปนิสัยถูกกำจัด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติ กระเทาะก็ดี เปลือกก็ดี กระพี้ก็ดี แก่นก็ดีของต้นไม้นั้นย่อมไม่ถึงความบริบูรณ์ ฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีหิริและโอตตัปปะ อินทรีย์สังวรของบุคคล ผู้สมบูรณ์ ด้วย หิริ และโอตตัปปะ ย่อมสมบูรณ์ด้วยอุปนิสัย เมื่อมีอินทรีย์สังวร ศีลของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยอินทรีย์สังวร ย่อมสมบูรณ์ด้วยอุปนิสัย เมื่อมีศีล สัมมาสมาธิของบุคคล ผู้สมบูรณ์ ด้วยศีลย่อมสมบูรณ์ด้วยอุปนิสัย เมื่อมีสัมมาสมาธิ ยถาภูตญาณทัสสนะ ของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิย่อมสมบูรณ์ด้วยอุปนิสัย เมื่อมียถาภูตญาณทัสสนะ นิพพิทาและวิราคะ ของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยยถาภูตญาณทัสสนะ ย่อมสมบูรณ์ด้วย อุปนิสัย เมื่อมีนิพพิทาและวิราคะ วิมุตติญาณทัสสนะ ของบุคคลผู้สมบูรณ์ ด้วยนิพพิทา และวิราคะ ย่อมสมบูรณ์ด้วยอุปนิสัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้ สมบูรณ์ด้วยกิ่งและใบ กะเทาะก็ดี เปลือกก็ดี กระพี้ก็ดี แก่นก็ดี ของต้นไม้นั้น ย่อมถึงความสมบูรณ์ ฉะนั้น |