พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๔
คติสูตร
เจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อละคติ ๕
[๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คติ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ นรก
๒ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
๓ เปรตวิสัย
๔ มนุษย์
๕ เทวดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คติ ๕ ประการนี้แล ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละคติ ๕ ประการนี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๔
มัจฉริยสูตร
เจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อละมัจฉริยะ ๕
[๒๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย มัจฉริยะ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉนคือ
๑
อาวาสมัจฉริยะ (ตระหนี่ที่อยู่)
๒
กุลมัจฉริยะ (ตระหนี่ตระกูล)
๓ ลาภมัจฉริยะ (ตระหนี่ลาภ)
๔
วรรณมัจฉริยะ (ตระหนี่วรรณะ)
๕
ธรรมมัจฉริยะ(ตระหนี่ธรรม)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มัจฉริยะ ๕ ประการนี้แล ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละมัจฉริยะ ๕ ประการนี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๔-๔๒๕
อุทธัมภาคิยสูตร
เจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อละอุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕
[๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
รูปราคะ ๑
อรูปราคะ ๑
มานะ ๑
อุทธัจจะ ๑
อวิชชา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการนี้แล ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละอุทธัมภา คิยสังโยชน์ ๕ ประการ นี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๕
เจโตขีลสูตร
เจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อละตะปูตรึงใจ ๕
[๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตะปูตรึงใจ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน
(๑) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจ เชื่อไม่เลื่อมใสในพระศาสดา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระศาสดา จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความประกอบ เพื่อความสืบต่อ เพื่อความพยายามจิตของภิกษุไม่น้อมไป เพื่อ ความเพียร เพื่อความประกอบ เพื่อความสืบต่อ เพื่อความพยายาม นี้เป็นตะปูตรึงใจ ประการที่ ๑
(๒) อีกประการหนึ่ง ภิกษุเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสใน พระธรรม ฯลฯ นี้เป็นตะปูตรึงใจประการที่ ๒ ฯลฯ (๓) ในพระสงฆ์ ฯลฯ นี้เป็นตะปูตรึงใจ ประการที่ ๓ ฯลฯ(๔) ในสิกขา ฯลฯ นี้เป็นตะปูตรึงใจประการที่ ๔
(๕) อีกประการหนึ่ง ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ มีจิตขัดเคือง ผูกใจเจ็บ ในเพื่อน พรหมจรรย์ ทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ มีจิตขัดเคืองผูกใจเจ็บใน เพื่อน พรหมจรรย์ทั้งหลาย จิตของภิกษุนั้น ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อ ความประกอบ เพื่อความสืบต่อ เพื่อความพยายาม จิตของภิกษุไม่น้อมไปเพื่อ ความเพียร เพื่อความประกอบ เพื่อความสืบต่อ เพื่อความพยายามนี้เป็นตะปูตรึงใจ ประการที่ ๕ ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละตะปูตรึงใจ ๕ ประการนี้
(ตะปูตรึงใจ ๕ ไม่เลื่อมใส ในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา เป็นผู้มักโกรธ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๖-๔๒๗
วินิพันธสูตร
เจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อละเครื่องผูกมัดจิต
[๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเครื่องผูกมัดจิต ๕ ประการ นี้๕ ประการเป็นไฉน
(๑) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความพอใจ ยังไม่ปราศจากความรัก ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน ยังไม่ปราศจากตัณหา ในกามทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใด ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความพอใจ ยังไม่ปราศจาก ความรัก ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน ยังไม่ปราศจาก ตัณหา ในกามทั้งหลาย จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความ ประกอบ เพื่อความสืบต่อ เพื่อความพยายามจิตของภิกษุย่อมไม่น้อมไปเพื่อ ความเพียร เพื่อความประกอบ เพื่อความสืบต่อเพื่อความพยายาม นี้เป็นธรรมเครื่อง ผูกจิต ประการที่ ๑
(๒) อีกประการหนึ่ง ภิกษุยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความ พอใจ ยังไม่ปราศจากความรัก ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจาก ความ เร่าร้อน ยังไม่ปราศจากตัณหาในกาย ... นี้เป็นธรรมเครื่องผูกจิตประการที่ ๒
(๓) อีกประการหนึ่ง ภิกษุยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความ พอใจ ยังไม่ปราศจากความรัก ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจากความ เร่าร้อน ยังไม่ปราศจากตัณหาในรูป ... นี้เป็นธรรมเครื่องผูกมัดจิตประการที่ ๓
(๔) อีกประการหนึ่ง ภิกษุฉันอาหารเต็มท้องพอแก่ความต้องการแล้ว ประกอบ ความสุขในการนอน ในการเอน ในการหลับอยู่ .. นี้เป็นธรรมเครื่องผูกมัดจิตประการที่ ๔
(๕) อีกประการหนึ่ง ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ด้วยตั้งความปรารถนา เป็นเทพเจ้า องค์ใดองค์หนึ่ง ว่า ด้วยศีล วัตร ตบะ หรือพรหมจรรย์นี้ เราจักเป็นเทพเจ้าหรือเทวดา องค์ใด องค์หนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดประพฤติพรหมจรรย์ด้วยตั้งความปรารถนา เป็นเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งว่า ด้วยศีล วัตร ตบะ หรือพรหมจรรย์นี้ เราจักเป็นเทพเจ้า หรือเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความ ประกอบ เพื่อความสืบต่อ เพื่อความพยายามนี้เป็นธรรมเครื่องผูกมัดจิต ประการที่ ๕ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรมเครื่องผูกมัดจิต ๕ ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อละธรรมเครื่อง ผูกมัดจิต ๕ ประการนี้แล สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะมีสติ พึงกำจัดอภิชฌา และ โทมนัส ในโลกเสีย ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ฯลฯ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละธรรมเครื่อง ผูกมัดจิต ๕ ประการนี้แล
|