พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๕-๓๕๖
คัณฑสูตร
ฝีมีปากแผล ๙ แห่ง
[๒๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนฝีที่เกิดขึ้นหลายปี ฝีนั้นพึงมีปากแผล ๙ แห่ง มีปากแผลที่ยังไม่แตก ๙ แห่ง
สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะพึงไหลออกจากปากแผลนั้น สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น น่าเกลียดทั้งนั้น
สิ่งใดสิ่งหนึ่งพึงไหลเข้า สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น น่าเกลียดทั้งนั้นฉันใด
คำว่าฝีนี้แล เป็นชื่อของกาย อันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ มีมารดาบิดา เป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด มีความไม่เที่ยง ต้องลูบไล้นวดฟั้น มีความกระจัดกระจายเป็นธรรมดา กายนั้นมีปากแผล ๙ แห่ง มีปากแผลที่ยังไม่แตก ๙ แห่ง สิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมไหลออกจากปากแผลนั้น สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาดมีกลิ่นเหม็น น่าเกลียดทั้งนั้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมไหลเข้า สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น น่าเกลียดทั้งนั้น ฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายจงเบื่อหน่ายในกายนี้
(ปากแผล ๙ แห่ง พิจารณาตามพระสูตรนี้
ได้แก่ ตา-๒ หู-๒ จมูก-๒ ปาก-๑ ทวารหนัก-๑ ทวารเบา-๑)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๖
สัญญาสูตร
สัญญา ๙ ประการ
[๒๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๙ ประการนี้ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำ ให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด ๙ ประการ เป็นไฉน คือ
อสุภสัญญา ๑
มรณสัญญา ๑
อาหาเรปฏิกูลสัญญา๑
สัพพโลเกอนภิรตสัญญา ๑
อนิจจสัญญา ๑
อนิจเจทุกขสัญญา ๑
ทุกเขอนัตตสัญญา ๑
ปหานสัญญา ๑
วิราคสัญญา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๙ประการนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มาก แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๖-๓๕๗
กุลสูตร
ตระกูลประกอบด้วยองค์ ๙
[๒๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตระกูลประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ ภิกษุยังไม่ เข้าไป ก็ไม่ควรเข้าไป หรือเข้าไปแล้วก็ไม่ควรนั่ง องค์ ๙ ประการเป็นไฉนคือ
ไม่ต้อนรับด้วยความพอใจ ๑
ไม่ไหว้ด้วยความพอใจ ๑
ไม่ให้อาสนะด้วยความพอใจ ๑
ปิดบังของที่มีอยู่ ๑
ของมีมากให้น้อย ๑
มีของประณีตก็ให้ของเลว ๑
ให้ด้วยความไม่เคารพ ไม่ให้ด้วยความเคารพ ๑
ไม่นั่งใกล้เพื่อฟังธรรม ๑
ไม่ยินดีภาษิตของภิกษุนั้น ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตระกูลประกอบด้วยองค์ ๙ ประการนี้แล ภิกษุยังไม่เข้าไป ก็ไม่ควรเข้าไป หรือเข้าไปแล้วก็ไม่ควรนั่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตระกูลประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ ภิกษุยังไม่เข้าไป ก็ควรเข้าไป หรือเข้าไปแล้วควรนั่ง องค์ ๙ ประการเป็นไฉน คือ
ต้อนรับด้วยความพอใจ ๑
ไหว้ด้วยความพอใจ ๑
ให้อาสนะด้วยความพอใจ ๑
ไม่ปิดบังของที่มีอยู่ ๑
ของมีมากก็ให้มาก ๑
มีของประณีตก็ให้ของประณีต ๑ ให้
ด้วยความเคารพ ไม่ให้ด้วยไม่เคารพ ๑
นั่งใกล้เพื่อฟังธรรม ๑
ยินดีภาษิตของภิกษุนั้น ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตระกูลประกอบด้วยองค์ ๙ ประการนี้แลภิกษุยังไม่เข้าไป ก็ควรเข้าไป หรือเข้าไปแล้วควรนั่ง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๕๗-๓๕๘
สัตตสูตร
การรักษาอุโบสถที่มีองค์ ๙
[๒๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ อันบุคคลเข้า อยู่แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ อันบุคคลเข้าอยู่แล้ว อย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย ละ ปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรามีความละอาย เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลสรรพสัตว์ อยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้แม้เราก็ละปาณาติบาต งดเว้นจาก ปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอาย เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูล สรรพสัตว์ อยู่ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ แม้ด้วยองค์นี้ และ อุโบสถชื่อว่าจักเป็น อันเราเข้าอยู่แล้วอุโบสถ ประกอบด้วยองค์ที่ ๑ นี้
ฯลฯ (สังขิตตสูตร อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ )
พระอรหันต์ทั้งหลาย ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ งดเว้นจากการ นั่งการนอน บนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอน บนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียง หรือเครื่องปูลาดด้วยหญ้าตลอดชีวิตในวันนี้ แม้เราก็ละการนั่งการนอน บนที่นั่งที่นอน สูงใหญ่
งดเว้นจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่ง ที่นอนต่ำ คือ บนเตียงหรือเครื่องปูลาดด้วยหญ้า ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตาม พระอรหันต์แม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๘ นี้ บุคคลมีใจประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปตลอด ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ก็เหมือนกัน โดยนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลกทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ อุโบสถ ชื่อว่าประกอบด้วยองค์ที่ ๙ นี้ ด้วยประการดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ อันบุคคลเข้าอยู่แล้ว อย่างนี้แล จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มากมีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก
-----------------------------------------------------------------------
สังขิตตสูตร อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ (มี ๘ ข้อ)
องค์ที่ ๑ ละปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอาย
องค์ที่ ๒ ละอทินนาทาน(ลักทรัพย์) ไม่ถือเอาแต่สิ่งของที่เขาให้
องค์ที่ ๓ ละ อพรหมจรรย์(กาเม) เว้นจากเมถุนของชาวบ้าน
องค์ที่ ๔ ละมุสาวาท (พูดโกหก) งดเว้นจากมุสาวาท
องค์ที่ ๕ ละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและ เมรัย
องค์ที่ ๖ เป็นผู้บริโภคอาหารครั้งเดียว งดบริโภคอาหารในกลางคืน
องค์ที่ ๗ เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง การทัดทรง ประดับ ตบแต่ง
องค์ที่ ๘ เว้นจากการนั่ง การนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
องค์ที่ ๙ บุคคลมีใจประกอบด้วยเมตตาแผ่ไปตลอดไปทุกทิศหนึ่ง (สัตตสูตร) |