พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๐
๑. เสกขสูตร
[๓๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อม แก่ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้ชอบการงาน
๒ ความเป็นผู้ชอบคุย
๓ ความเป็นผู้ชอบหลับ
๔ ความเป็นผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๕ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๖ ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อม แก่ภิกษุ ผู้เสขะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ ภิกษุ ผู้เสขะ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้ไม่ชอบการงาน
๒ ความเป็นผู้ไม่ชอบคุย
๓ ความเป็นผู้ไม่ชอบความหลับ
๔ความเป็นผู้ไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๕ ความเป็นผู้คุ้มครองทวารอินทรีย์ทั้งหลาย
๖ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ผู้เสขะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๐-๓๔๑
๒. อปริหานิยสูตรที่ ๑
[๓๐๓] ครั้งนั้น เทวดาตนหนึ่ง เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวัน ทั้งสิ้น ให้สว่างไสว แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่อันควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม แก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา
๒ ความเป็นผู้เคารพในพระธรรม
๓ ความเป็นผู้เคารพในพระสงฆ์
๔
ความเป็นผู้เคารพในสิกขา
๕ ความเป็นผู้เคารพในความไม่ประมาท
๖ ความเป็นผู้เคารพในปฏิสันถาร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม แก่ภิกษุ เทวดานั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัยลำดับนั้น เทวดาตนนั้น ทราบว่า พระศาสดาของเราทรงพอพระทัยแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว หายไป ณ ที่นั้น
ครั้นพอล่วงราตรีนั้นไป พระผู้มีพระภาค จึงตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เทวดาตนหนึ่ง เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีงามยิ่ง ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว แล้วเข้ามาหาเราถึงที่อยู่ อภิวาทแล้ว ยืนอยู่ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ประการนี้ ย่อมเป็นไป เพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา
๒ ความเป็นผู้เคารพในพระธรรม
๓ ความเป็นผู้เคารพในพระสงฆ์
๔ ความเป็นผู้เคารพในสิกขา
๕ ความเป็นผู้เคารพในความไม่ประมาท
๖ ความเป็นผู้เคารพในปฏิสันถาร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ ภิกษุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาตนนั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว อภิวาทเรา ทำประทักษิณแล้ว ได้หายไป ณ ที่นั้น
ภิกษุผู้เคารพในพระศาสดา เคารพในพระธรรม เคารพอย่าง แรงกล้าใน พระสงฆ์ เคารพในความไม่ประมาท เคารพในปฏิสันถาร ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อเสื่อม ย่อมมี ณ ที่ใกล้ นิพพานทีเดียว
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๑-๓๔๒
๓. อปริหานิยสูตรที่ ๒
[๓๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เทวดาตนหนึ่ง เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีงามยิ่งนัก ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว แล้วเข้ามาหาเราถึงที่อยู่ อภิวาท แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะเราว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา
๒ ความเป็นผู้เคารพในพระธรรม
๓ ความเป็นผู้เคารพในพระสงฆ์
๔ ความเป็นผู้เคารพในสิกขา
๕ ความเป็นผู้เคารพในหิริ
๖ ความเป็นผู้เคารพในโอตตัปปะ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม แก่ภิกษุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดานั้น ครั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว อภิวาทเราทำประทักษิณ แล้วหายไป ณ ที่นั้นแล
ภิกษุผู้เคารพในพระศาสดา เคารพในพระธรรม เคารพ อย่างแรงกล้าใน พระสงฆ์ ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ มีความยำเกรง มีความเคารพ ย่อมเป็นผู้ไม่ ควรเพื่อเสื่อม ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว |