พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๑๓-๓๑๕
๘. มัจฉสูตร
ว่าด้วยชาวประมงจับปลา
[๒๘๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล พร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ พระผู้มีพระภาคทรงดำเนินไปตามหนทางไกล ได้ทอดพระเนตรเห็น ชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ ณ ท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ได้เสด็จแวะลงจากทาง แล้ว ประทับนั่งลง บนอาสนะที่ได้ปูลาดไว้ ณ โคนต้นไม้แห่งหนึ่งแล้วตรัสถามภิกษุ ทั้งหลาย ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเห็นชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ที่ แห่งโน้นหรือ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า
(คนฆ่าปลา)
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลาย ได้เห็น หรือได้ฟังมาบ้างไหมว่า ชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ ขี่ช้างขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟังมาว่าชาวประมง ผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะหรือครอบครอง กองโภคสมบัติ เป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าเขาย่อม เพ่งดูปลาเหล่านั้นที่พึงฆ่า ที่นำมา เพื่อฆ่าด้วยใจ ที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน ไม่ได้เป็นเจ้าของ โภคะ ไม่ได้ครอบครอง โภคสมบัติเป็นอันมาก
(คนฆ่าโค)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลาย ได้เห็นหรือ ได้ฟังมาบ้างไหมว่า คนฆ่าโค ฆ่าโคขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟังมาว่าคนฆ่าโค ฆ่าโคขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภค สมบัติ เป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าเขา ย่อมเพ่งดู โคเหล่านั้น ที่พึงฆ่า ที่นำมาเพื่อ ฆ่า ด้วยใจที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน ไม่ได้เป็นเจ้าของ โภคะ ไม่ได้ครอบครอง กองโภคสมบัติ เป็นอันมากอยู่
(คนฆ่าแพะ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลาย ได้เห็น หรือ ได้ฟังมาบ้างไหมว่า คนฆ่าแพะ ฯลฯ คนฆ่าสุกร พรานนก พรานเนื้อ ฆ่าเนื้อ ขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยานเป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภค สมบัติ เป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็นไม่ได้ฟังมาว่าพรานเนื้อ ฆ่าเนื้อขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภค สมบัติ เป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าเขา ย่อมเพ่งดู เนื้อเหล่านั้นที่พึงฆ่า ที่นำมาเพื่อ ฆ่า ด้วยใจที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน ไม่ได้เป็นเจ้าของ โภคะ ไม่ได้ครอบครองกองโภคสมบัติ เป็นอันมากอยู่ ก็เขาย่อม เพ่งดูสัตว์ดิรัจฉาน เหล่านั้น ที่พึงฆ่า ที่นำมาเพื่อฆ่า ด้วยใจ ที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยานไม่ได้เป็นเจ้าของโภคะ หรือ ครอบครองกองโภคสมบัติ เป็นอันมากอยู่
(คนฆ่ามนุษย์)
จะกล่าวอะไร ถึงบุคคลผู้เพ่งดูมนุษย์ที่พึงฆ่า ที่นำมาเพื่อฆ่า ด้วยใจที่เป็น บาป เล่า เพราะผลข้อนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่เป็น ประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ตลอดกาลนานแก่เขา เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯลฯ |