พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๑
๑. กิมพิลสูตร
ว่าด้วยท่านพระกิมพิละ
[๒๐๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันใกล้เมืองมิถิลา ครั้งนั้น ท่านพระกิมพิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้ พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นานในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในศาสดา
เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในธรรม
เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสงฆ์
เป็นผู้ไม่มี ความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสิกขา
เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรง กันและกัน
ดูกรกิมพิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว
กิม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรม ดำรงอยู่ ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว
พ. ดูกรกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกอุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในศาสดา เป็นผู้มีความเคารพ มีความ ยำเกรงในธรรม เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสงฆ์เป็นผู้มีความเคารพ มีความ ยำเกรงในสิกขา เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงกันและกัน
ดูกรกิมพิละ นี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคต ปรินิพพานแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๑-๒๕๒
๒. ธัมมัสสวนสูตร
อานิสงส์ในการฟังธรรม
[๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๒ ย่อมเข้าใจชัดสิ่งที่ได้ฟังแล้ว
๓ ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้
๔ ย่อมทำความเห็นให้ตรง
๕ จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๒
๓. อาชานิยสูตร
ม้าอาชาไนยของพระราชา
[๒๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญของพระราชา ประกอบด้วย องค์ ๕ ประการ ย่อมควรแก่พระราชา ควรเป็นม้าทรง ย่อมถึงความนับว่า เป็นราชพาหนะ องค์ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความซื่อตรง
๒ ความวิ่งเร็ว
๓ ความอ่อนนุ่ม
๔ ความอดทน
๕ ความเสงี่ยม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญของพระราชา ประกอบด้วยองค์ ๕ ประการนี้แล ย่อมควรแก่พระราชาควรเป็นม้าทรง ย่อมถึงการนับว่า เป็นราชพาหนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเป็นผู้ควรแก่ของคำนับควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ของทำบุญ ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความซื่อตรง
๒ ความเร็ว
๓ ความอ่อนโยน
๔ ความอดทน
๕ ความเสงี่ยม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรแก่ ของคำนับ ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ของทำบุญ ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของ โลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๒
๔. พลสูตร
ว่าด้วยพละ (กำลัง)
[๒๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ กำลังคือ ศรัทธา
๒ กำลังคือ หิริ
๓ กำลังคือ โอตตัปปะ
๔ กำลังคือ วิริยะ
๕ กำลังคือ ปัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๕ ประการนี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๓
๕. เจโตขีลสูตร
ตะปูตรึงใจ ๕ ประการ
[๒๐๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตะปูตรึงใจ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉนคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในศาสดา ภิกษุใด ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในศาสดาจิตของภิกษุนั้น ย่อมไม่น้อมไป เพื่อความเพียร เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในธรรม ภิกษุใด ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในธรรมจิตของภิกษุนั้น ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ ๒
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ ภิกษุใด ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ จิตของ ภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ ๓
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในสิกขา ภิกษุใด ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในสิกขา จิตของภิกษุ นั้น ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ ๔
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมโกรธ มีใจไม่แช่มชื่น มีจิตอันโทสะกระทบแล้ว กระด้างในพวกเพื่อนพรหมจรรย์ จิตของภิกษุนั้น ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ ๕ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตะปูตรึงใจ ๕ ประการนี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๕
๗. ยาคุสูตร
อานิสงส์ของยาคู
[๒๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของข้าวยาคู ๕ ประการนี้
๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ บรรเทาความหิว
๒ ระงับความระหาย
๓ ยังลมให้เดินคล่อง
๔ ชำระลำไส้
๕ เผาอาหารเก่าที่ยังไม่ย่อย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของข้าวยาคู ๕ ประการนี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๕
๘. ทันตกัฏฐสูตร
ว่าด้วยไม้สีฟัน
[๒๐๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษเพราะไม่เคี้ยวไม้สีฟัน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ตาฟาง
๒ ปากเหม็น
๓ ประสาทที่นำรสอาหารไม่หมดจดดี
๔ เสมหะย่อมหุ้มห่ออาหาร
๕ อาหารย่อมไม่อร่อยแก่เขา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษเพราะไม่เคี้ยวไม้สีฟัน ๕ ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์เพราะเคี้ยวไม้สีฟัน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ตาสว่าง
๒ ปากไม่เหม็น
๓ ประสาทที่นำรสอาหารหมดจดดี
๔ เสมหะย่อมไม่หุ้มห่ออาหาร
๕ อาหารย่อมอร่อยแก่เขา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์เพราะเคี้ยวไม้สีฟัน ๕ ประการนี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๖
๙. คีตสูตร
โทษของการแสดงธรรมด้วยเสียงขับยาว
[๒๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของภิกษุผู้กล่าวธรรม ด้วยเสียงขับที่ยาว ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
- ตนเองย่อมกำหนัดในเสียงนั้นบ้าง
- ผู้อื่นย่อมกำหนัดในเสียงนั้นบ้าง
- พวกคฤหบดีย่อมยกโทษว่าพวกสมณศากยบุตรเหล่านี้ ย่อมขับเหมือนพวกเราขับบ้าง
- เมื่อภิกษุพอใจกระทำเสียง ความเสื่อมแห่งสมาธิ ย่อมมีบ้าง
- ประชุมชนรุ่นหลัง ย่อมถือเป็นแบบอย่างบ้าง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของภิกษุผู้กล่าวธรรมด้วยเสียงขับที่ยาว ๕ ประการ นี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๖-๒๕๗
๑๐. มุฏฐัสสติสูตร
ภิกษุผู้หลงลืมสติ
[๒๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษแห่งภิกษุผู้ลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ
นอนหลับ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ย่อมหลับเป็นทุกข์
๒ ย่อมตื่นเป็นทุกข์
๓ ย่อมฝันลามก
๔ เทวดาย่อมไม่รักษา
๕ น้ำอสุจิย่อมเคลื่อน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษแห่งภิกษุผู้ลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ นอนหลับ ๕ ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์แห่งภิกษุ ผู้มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ นอนหลับ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ย่อมหลับเป็นสุข
๒ ย่อมตื่นเป็นสุข
๓ ย่อมไม่ฝันลามก
๔ เทวดาย่อมรักษา
๕ น้ำอสุจิย่อมไม่เคลื่อน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์แห่งภิกษุผู้มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ นอนหลับ๕ ประการ นี้แล
|