เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

พระสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใส เพราะเข้าปฐมฌาณ ทุติยฌาน... สัญญาเวทยิตนิโรธ 2015
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗

รวมพระสูตรที่มีในสังยุตนี้

๑. วิเวกสูตร (ปฐมฌาน)
อานนท์ อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจด ผ่องใส วันนี้ท่านพระสารีบุตร อยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?
สา. เราสงัดจากกาม ...เข้าปฐมฌาน. เรานั้นไม่ได้คิดว่า เราเข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจากปฐมฌานแล้ว. แท้จริง ท่านพระสารีบุตร ถอนทิฏฐิคืออหังการ ตัณหาคือมมังการ และอนุสัย คือมานะออกได้นานแล้ว

๒. อวิตักกสูตร (ทุติยฌาน)
๓. ปีติสูตร (ตติยฌาน)
๔. อุเปกขาสูตร (จตุตถฌาน)
๕. อากาสสูตร
๖. วิญญาณสูตร
๗. อากิญจัญญายตนสูตร
๘. เนวสัญญานาสัญญายตนสูตร

๙. นิโรธสูตร (สัญญาเวทยิตนิโรธ)
อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจดผ่องใสท่าน อยู่ด้วยวิหารธรรม อะไร สา. อาวุโส เราจะบอก เราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เรามิได้คิดว่าเราเข้าสัญญาเวทยิตฯอยู่ หรือว่าเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว หรือว่าออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว.

๑๐. สูจิมุขีสูตร (การเลี้ยงชีวิตของสมณพราหมณ์)
ครั้งนั้น นางปริพาชิกา ชื่อสูจิมุขี เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรฯ
ดูกรสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ?/ สา.เรา มิได้ก้มหน้าฉัน
สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือ? / สา. เรามิได้แหงนหน้าฉันหรอกน้องหญิง
สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉันหรือ? / สา. เรามิได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง
สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศน้อยฉันหรือ? / สา. เรามิได้มองดูทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง
ก็สมณพราหมณ์
เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูพื้นที่ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า ก้มหน้าฉัน
เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูดาวนักษัตร สมณฯเหล่านี้เรียกว่า แหงนหน้าฉัน
ฯลฯ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๔

๑. วิเวกสูตร
ว่าด้วยปฐมฌาน

            [๕๐๘] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปสู่พระนครสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ครั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนคร สาวัตถี แล้วกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต เข้าไปยังป่าอันธวัน เพื่อพักกลางวัน ถึงป่า อันธวันแล้ว นั่งพักกลางวัน ณ โคนไม้แห่งหนึ่ง.

            ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อน แล้วเข้าไปยัง พระวิหาร เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่าน พระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจด ผ่องใส วันนี้ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราสงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่. อาวุโส เรานั้น ไม่ได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจาก ปฐมฌานแล้ว.

             แท้จริง ท่านพระสารีบุตร ถอนทิฏฐิคืออหังการ ตัณหาคือมมังการ และอนุสัย คือมานะออกได้นานแล้ว ฉะนั้น ท่านพระสารีบุตร จึงไม่คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจากปฐมฌานแล้ว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๔ - ๒๖๕

๒. อวิตักกสูตร
ว่าด้วยทุติยฌาน

            [๕๐๙] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าว กะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของ ท่านหมดจด ผ่องใสวันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าทุติยฌาน อันมีความ ผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่.

             อาวุโส เรานั้นมิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าทุติยฌานอยู่ หรือว่า เข้าทุติยฌานแล้ว หรือว่าออกจากทุติยฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๕

๓. ปีติสูตร
ว่าด้วยตติยฌาน

            [๕๑๐] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของ ท่านหมดจดผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโสดังเราจะบอก เรามีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป เข้าตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข ดังนี้ อยู่.

             อาวุโส เรานั้นมิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าตติยฌานอยู่ หรือว่าเข้าตติยฌานแล้ว หรือว่าออกจากตติยฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๕-๒๖๖

๔. อุเปกขาสูตร
ว่าด้วยจตุตถฌาน

            [๕๑๑] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของ ท่านหมดจด ผ่องใสวันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุขเพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติ บริสุทธิ์อยู่.

             อาวุโสเรามิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าจตุตถฌานอยู่ หรือว่าเข้าจตุตถฌานแล้ว หรือว่าออกจากจตุตถฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๖

๕. อากาสสูตร
ว่าด้วยอากาสานัญจายตนฌาน

            [๕๑๒] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่าน หมดจดผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ด้วยคำนึงว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงรูปสัญญาเสียได้ เพราะดับปฏิฆสัญญา เสียได้ เพราะไม่กระทำไว้ในใจ ซึ่งนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวงอยู่.

            อาวุโส เรามิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าอากาสานัญจายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้า อากาสานัญจายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากอากาสานัญจายตนฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๖-๒๖๗

๖. วิญญาณสูตร
ว่าด้วยวิญญาณัญจายตนฌาน

            [๕๑๓] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของ ท่าน หมดจดผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าวิญญาณัญจายตนฌาน ด้วยคำนึงว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงอากาสานัญจายตนฌาน เสียได้โดย ประการ ทั้งปวงอยู่.

             อาวุโสเรานั้นมิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าวิญญาณัญจายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้า วิญญาณัญจายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากวิญญาณัญจายตนฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๗

๗. อากิญจัญญายตนสูตร
ว่าด้วยอากิญจัญญายตนฌาน

            [๕๑๔] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของ ท่านหมดจด ผ่องใสวันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าอากิญจัญญายตนฌาน ด้วยคำนึงว่าว่า สิ่งอะไรหน่อยหนึ่งไม่มี เพราะล่วงวิญญาณัญจายตนฌาน เสียได้โดย ประการทั้งปวงอยู่.

             อาวุโส เรานั้นมิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าอากิญจัญญายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้า อากิญจัญญายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากอากิญจัญญายตนฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๗

๘. เนวสัญญานาสัญญายตนสูตร
ว่าด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน

            [๕๑๕] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของ ท่าน ผ่องใสวันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าเนวสัญญานาสัญญาย ตนฌาน เพราะล่วงอากิญจัญญายตนฌานเสียได้ โดยประการทั้งปวงอยู่.

             อาวุโส เรานั้นมิได้คิดอย่างนี้ ว่าเราเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากเนวสัญญา นาสัญญายตน ฌานแล้ว ฯลฯ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๘

๙. นิโรธสูตร
ว่าด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธ

            [๕๑๖] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม ของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี.

            ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาต ยังพระนครสาวัตถี ครั้นเที่ยวบิณฑบาต ในพระนครสาวัตถีแล้ว กลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัต เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ถึงป่าอันธวันแล้ว นั่งพักกลางวันอยู่ที่ โคนไม้แห่งหนึ่ง.

            ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น ท่านพระสารีบุตร ออกจากที่พักผ่อนแล้ว เข้าไปยังพระ วิหาร เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี.

            ท่านพระอานนท์ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกลจึง กล่าวกะท่าน พระสารีบุตร ว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจด ผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานเสียได้ โดยประการทั้งปวงอยู่. อาวุโส เรามิได้คิด อย่างนี้ว่า เราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ หรือว่าเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว หรือว่าออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว.

            แท้จริง ท่านพระสารีบุตร ถอนอหังการ มมังการ และมานานุสัยออกได้นานแล้ว ฉะนั้นท่านพระสารีบุตร จึงมิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ หรือว่าเข้า สัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว หรือว่าออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว.

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๘ - ๒๗๐

๑๐. สูจิมุขีสูตร
ว่าด้วยความแตกต่างการเลี้ยงชีวิตของสมณพราหมณ์

            [๕๑๗] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์. ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังพระนครราชคฤห์ เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอก ในพระนคร ราชคฤห์แล้ว อาศัยเชิงฝาแห่งหนึ่งฉันบิณฑบาตนั้น. ครั้งนั้น นางปริพาชิกา ชื่อสูจิมุขี เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า

            ดูกรสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ?
            ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูกรน้องหญิง เรามิได้ก้มหน้าฉัน.

            สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือสมณะ?
            สา. เรามิได้แหงนหน้าฉันหรอกน้องหญิง.

            สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉันหรือสมณะ?
            สา. เรามิได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง.

            สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศน้อยฉันหรือสมณะ?
            สา. เรามิได้มองดูทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง.

            สู. ดิฉันถามว่า ดูกรสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้ก้มหน้า ฉัน หรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้แหงนหน้าฉันหรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉัน หรือสมณะท่านก็ตอบว่า เรามิได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศน้อยฉัน หรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้มองดูทิศน้อย ฉันหรอกน้องหญิง ก็บัดนี้ ท่านฉันอย่างไรเล่าสมณะ?

            สา. ดูกรน้องหญิง ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูพื้นที่ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า ก้มหน้าฉัน.

            ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูดาวนักษัตรสมณพราหมณ์ เหล่านี้เรียกว่า แหงนหน้าฉัน.

            ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุประกอบการรับส่งข่าวสาส์น สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า มองดูทิศใหญ่ฉัน.

            ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชาคือ วิชาทายองค์อวัยวะ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า มองดูทิศ น้อยฉัน.

            ดูกรน้องหญิง ส่วนเรานั้นมิได้เลี้ยงชีวิต ด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาตรวจพื้นที่ มิได้เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือวิชาดูดาวนักษัตร มิได้เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุประกอบการรับส่งข่าวสาส์น มิได้เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาทายองค์อวัยวะ (แต่)เราแสวงหาภิกษาโดยชอบธรรม ครั้นแล้วจึงฉัน.

            ครั้งนั้น นางสูจิมุขีปริพาชิกาเข้าไปในนครราชคฤห์ จากถนนหนึ่งไปอีก ถนน หนึ่ง จากตรอกหนึ่งไปอีกตรอกหนึ่งแล้ว ประกาศอย่างนี้ว่า ท่านสมณศากยบุตร ทั้งหลาย ย่อมฉันอาหารอันประกอบด้วยธรรม สมณศากยบุตรทั้งหลาย ย่อมฉันอาหาร อันหาโทษมิได้.

             ขอเชิญท่านทั้งหลาย ถวายบิณฑบาต แก่สมณศากยบุตรทั้งหลายเถิด.

จบ สารีปุตตสังยุต.

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์