พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๑
๘. นาคสังยุต
๑. สุทธกสูตร
ว่าด้วยกำเนิดนาค ๔ จำพวก
[๕๑๘] พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้.
๔ จำพวกเป็นไฉน? คือ
นาคที่เป็น อัณฑชะ เกิดในไข่
นาคที่เป็น ชลาพุชะ เกิดในครรภ์
นาคที่เป็น สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล
นาคที่เป็น อุปปาติกะ เกิดผุดขึ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๑
๒. ปณีตตรสูตร
ว่าด้วยความประณีตของกำเนิดนาคแต่ละจำพวก
[๕๑๙] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้.
๔ จำพวกเป็นไฉน? คือ
นาคเป็นอัณฑชะ ๑
นาคที่เป็นชลาพุชะ ๑
นาคที่เป็นสังเสทชะ ๑
นาคที่เป็นอุปปาติกะ ๑.
ในนาค ๔ จำพวกนั้น
นาคที่เป็น ชลาพุชะ สังเสทชะ และ อุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็น อัณฑชะ
นาคที่เป็น สังเสทชะ และ อุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็น อัณฑชะ และ ชลาพุชะ นาคที่เป็น อุปปาติกะ ประณีตกว่านาค ที่เป็น อัณฑชะ ชลาพุชะ และ สังเสทชะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๑-๒๗๒
๓. อุโปสถสูตรที่ ๑
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอัณฑชะรักษาอุโบสถ
[๕๒๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง ให้นาค ที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้?
พระผู้มีพระภาค ตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวก ที่เป็นอัณฑชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้นกระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ ถ้าวันนี้พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็น อย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติ สุจริต ด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจเสียในบัดนี้เถิด.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้นาค ที่เป็นอัณฑชะ บางพวก ในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๒
๔. อุโปสถสูตรที่ ๒
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นชลาพุชะรักษาอุโบสถ
[๕๒๑] พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค ที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถ และสละ กายได้.
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวก ที่เป็นชลาพุชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกนั้นกระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไปจึงเข้าถึง ความ เป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นชลาพุชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติ สุจริตด้วยกาย ด้วยวาจาด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค ที่เป็นชลาพุชะบางพวก ในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๒-๒๗๓
๕. อุโปสถสูตรที่ ๓
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นสังเสทชะรักษาอุโบสถ
[๕๒๒] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค ที่เป็น สังเสทชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวก ที่เป็นสังเสทชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้นกระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นสังเสทชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติ สุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค ที่เป็นสังเสทชะบางพวก ในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๓
๖. อุโปสถสูตรที่ ๔
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะรักษาอุโบสถ
[๕๒๓] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค ที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวก ที่เป็นอุปปาติกะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราได้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้นกระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึง ความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อเป็น อย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้นาค ที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๓-๒๗๔
๗. สุตสูตรที่ ๑
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาค ที่เป็นอัณฑชะ
[๕๒๔] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคน ในโลกนี้ เมื่อตายไปเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงามมีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๔
๘. สุตสูตรที่ ๒
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึง ความเป็นสหายของนาคที่เป็นชลาพุชะ
[๕๒๕] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นชลาพุชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นชลาพุชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่าโอหนอ เมื่อตายไปขอเรา พึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของ พวกนาค ที่เป็นชลาพุชะ. ครั้นตายไปเขาย่อมเข้าถึง ความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นชลาพุชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นชลาพุชะ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๕
๙. สุตสูตรที่ ๓
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาค ที่เป็นสังเสทชะ
[๕๒๖] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระ ผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรม ทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นสังเสทชะ มีอายุยืน มีวรรณะงามมีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกนาค ที่เป็นสังเสทชะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นสังเสทชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไปเข้า ถึง ความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นสังเสทชะ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๕
๑๐. สุตสูตรที่ ๔
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นอุปปาติกะ
[๕๒๗] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงามมีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๕ - ๒๗๖
๑๑-๒๐ อัณฑชทานูปการสูตรที่ ๑-๑๐
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
[๕๒๘] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็น สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึง ความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอัณฑช
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๖ - ๒๗๗
๒๑-๕๐ ชลาพุชาทิทานูปการสูตรที่ ๑-๓๐
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
[๕๒๙] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคน ในโลกนี้ เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นชลาพุชะ ... ของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ... ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงามมีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค ที่เป็นอุปปาติกะ |