เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

โยธาชีวสูตรที่ ๑ โยธาชีวสูตรที่ ๑ (นักรบอาชีพ ๕ จำพวก กับภิกษุ ๕ จำพวก) 1979
 


โยธาชีวสูตรที่ ๑ (นักรบอาชีพ ๕ จำพวก)
๑.นักรบบางพวก เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นเท่านั้นย่อมสะทกสะท้าน
๒.นักรบบางพวก แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แต่พอเห็นยอดธงข้าศึก ย่อมสะทกสะท้าน
๓.บางพวก เห็นฝุ่นฟุ้ง เห็นยอดธงก็ทนได้ แต่ได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก ย่อมสะทกสะท้าน
๔.บางพวก เห็นฝุ่นฟุ้ง เห็นยอดธง ได้ยินเสียงก็ทนได้ แต่สะดุ้งต่อการสัมปหารของข้าศึก
๕.บางพวก เห็นฝุ่น เห็นยอดธง ได้ยินเสียง ไม่สะดุ้งการสัมปหาร เมื่อชนะสงครามแล้วยึดครองได้

โยธาชีวสูตรที่ ๒ (นักรบอาชีพ ๕ จำพวก)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๙๐-๙๕

๕. โยธาชีวสูตรที่ ๑
(นักรบอาชีพ ๕ จำพวก)

           [๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก๕ จำพวก เป็นไฉน คือ

           ๑.นักรบอาชีพบางพวกในโลกนี้ เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นเท่านั้นย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้ารบได้ นักรบอาชีพบางพวกแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่นี้เป็นนักรบอาชีพพวกที่ ๑ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ๒.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางพวกในโลกนี้ แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แต่พอเห็นยอดธงข้าศึกเข้าเท่านั้น ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้ารบได้ นักรบอาชีพบางพวก แม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้เป็นนักรบอาชีพพวกที่ ๒ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ๓.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางพวกในโลกนี้ แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึกก็อดทนได้ แต่พอได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึกเข้า เท่านั้น ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้ารบได้ นักรบอาชีพบางพวกแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้เป็นนักรบอาชีพพวกที่ ๓ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ๔.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางพวกในโลกนี้ แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แม้ได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก ก็อดทนได้ แต่ว่าย่อมขลาดสะดุ้ง ต่อการสัมปหารของข้าศึก นักรบอาชีพบางพวกแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้เป็นนักรบอาชีพพวกที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ๕.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางพวกในโลกนี้ แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แม้ได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก ก็อดทนได้ อดทน ต่อการสัมปหารของข้าศึกได้ เขาชนะสงครามแล้ว เป็นผู้พิชิตสงคราม ยึดครองค่าย สงครามนั้นไว้ได้ นักรบอาชีพบางพวกแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้เป็นนักรบอาชีพ พวกที่ ๕ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ ฉันนั้นเหมือนกัน ๕ จำพวกเป็นไฉน คือ

(ภิกษุ ๕ จำพวก)

           ๑.ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นเท่านั้นย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้านไม่สามารถ จะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้ ทำให้แจ้งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขา เวียนมา เพื่อหินเพศ อะไรเป็นฝุ่นฟุ้งขึ้นของเธอ คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมได้ฟังว่า ในบ้านหรือ ในนิคมโน้น มีหญิงหรือกุมารีรูปงามน่าดู น่าเลื่อมใสประกอบด้วย ผิวพรรณงาม อย่างยิ่ง เธอได้ฟังดังนั้นแล้ว ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้านไม่สามารถ จะสืบต่อ พรหมจรรย์ไปได้ ทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้ทุรพล ในสิกขาบอกคืนสิกขา เวียนมาเพื่อหินเพศ นี้ชื่อว่า ฝุ่นฟุ้งขึ้นของเธอ นักรบอาชีพนั้นเห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นเท่านั้น ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้ารบได้ แม้ฉันใดเรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ นี้บุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ จำพวกที่ ๑ มีปรากฏ อยู่ในพวกภิกษุ

           ๒.อีกประการหนึ่ง ภิกษุแม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แต่ว่าเธอเห็นยอดธง ของ ข้าศึกเข้าเท่านั้น ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถจะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้ ทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมา เพื่อหินเพศอะไรชื่อว่า เป็นยอดธง ของข้าศึกของเธอ คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่ได้ฟังว่าในบ้าน หรือนิคม ชื่อโน้น มีหญิงหรือกุมารีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณงามอย่างยิ่ง แต่ว่าเธอย่อมได้เห็นด้วยตนเอง ซึ่งหญิงหรือกุมารีรูปงามน่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วย ผิวพรรณงามอย่างยิ่ง เธอเห็นแล้ว ย่อมหยุดนิ่งสะทกสะท้าน ไม่สามารถจะสืบต่อ พรหมจรรย์ไปได้ ทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อ หินเพศ นี้ชื่อว่ายอดธงของข้าศึกของเธอ นักรบอาชีพนั้น เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แต่พอเห็นยอดธงของข้าศึกเข้าเท่านั้น ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้ารบได้ แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้คือบุคคลผู้ เปรียบด้วย นักรบอาชีพจำพวกที่ ๒ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ๓.อีกประการหนึ่ง ภิกษุแม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้น ก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แต่พอเธอได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก เข้าเท่านั้นย่อมหยุดนิ่งสะทกสะท้าน ไม่สามารถจะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้ ทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืน สิกขาเวียนมาเพื่อหินเพศ อะไรชื่อว่าเป็นเสียงกึกก้องของข้าศึกของเธอ คือ มาตุคาม เข้าไปหาภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้อยู่ในป่า โคนไม้หรือเรือนว่างเปล่า แล้วย่อมยิ้มแย้ม ปราศรัย กระซิกกระซี้ เย้ยหยัน เธอถูกมาตุคามยิ้มแย้ม ปราศรัย กระซิกกระซี้ เย้ยหยัน อยู่ ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถจะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้ ทำให้แจ้ง ซึ่งความ เป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อหินเพศ นี้ชื่อว่าเสียงกึกก้องของข้าศึก ของเธอนักรบอาชีพนั้น แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึกก็อดทนได้ แต่พอได้ยินเสียงกึกก้อง ของข้าศึกเข้าเท่านั้น ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถ เข้ารบได้ แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้คือ บุคคลผู้เปรียบด้วย นักรบอาชีพจำพวกที่ ๓ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ๔.อีกประการหนึ่ง ภิกษุแม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แม้ได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก ก็อดทนได้ แต่ว่าย่อมขลาดต่อการ สัมปหาร ของข้าศึก อะไรชื่อว่าเป็นการสัมปหาร ของข้าศึกของเธอ คือ มาตุคาม เข้าไปหา ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้ ผู้อยู่ในป่า โคนไม้ หรือเรือนว่างเปล่า แล้วย่อมนั่งทับ นอนทับ ข่มขืน เธอถูกมาตุคามนั่งทับ นอนทับ ข่มขืนอยู่ ไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้ ทุรพล ย่อมเสพเมถุนธรรม นี้ชื่อว่าการสัมปหา รของข้าศึกของเธอ นักรบอาชีพนั้น แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้นก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แม้ได้ยินเสียงกึกก้อง ของข้าศึก ก็อดทนได้ แต่ว่าย่อมขลาด ต่อการสัมปหารของข้าศึก แม้ฉันใด เรากล่าว บุคคลนี้เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้คือบุคคล ผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ จำพวกที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ๕.อีกประการหนึ่ง ภิกษุแม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้น ก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แม้ได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก ก็อดทนได้ อดทนการสัมปหารของข้าศึกได้ เขาชนะสงครามแล้ว เป็นผู้พิชิตสงคราม ยึดครองค่ายสงครามนั้นไว้ได้ อะไรชื่อว่า ชัยชนะในสงครามของเธอ คือ มาตุคาม เข้าไปหาภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้อยู่ในป่า โคนไม้ หรือเรือนว่างเปล่า แล้วย่อมนั่งทับ นอนทับข่มขืน เธอถูกมาตุคามนั่งทับ นอนทับ ข่มขืนอยู่ ไม่พัวพัน ปลดเปลื้องหลีกออกได้ แล้วหลีกไปตามความประสงค์

           เธอย่อมเสพเสนาสน อันสงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง เธออยู่ในป่าโคนไม้ หรือเรือนว่างเปล่า ย่อมนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติ ไว้เฉพาะหน้าเธอย่อมละ อภิชฌาในโลกเสีย มีจิตปราศจากอภิชฌาอยู่ ชำระจิตให้ บริสุทธิ์จากอภิชฌา เธอย่อมละความประทุษร้าย คือ พยาบาท มีจิตไม่พยาบาทอยู่ เป็นผู้มีความเกื้อกูลอนุเคราะห์สัตว์ทั้งปวง ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้าย คือพยาบาท

           เธอย่อมละถีนมิทธะ ปราศจากถีนมิทธะอยู่ เป็นผู้มีอาโลกสัญญา มีสติสัมปชัญญะ ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะ เธอย่อมละอุทธัจจกุกกุจจะมีจิต ไม่ฟุ้งซ่านอยู่ เป็นผู้มีจิตสงบ ณ ภายใน ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะ

           เธอย่อมละวิจิกิจฉา เป็นผู้ข้ามพ้นวิจิกิจฉาอยู่ หมดความสงสัยในธรรมทั้งหลาย ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉา เธอละนิวรณ์ ๕ ประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองแห่งใจ ทำปัญญาให้ทุรพลได้แล้ว สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวแล้วอย่างนี้

           เธอย่อมโน้มน้อมจิตไป เพื่ออาสวักขยญาณ เธอย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้อาสวะ นี้เหตุเกิด อาสวะ นี้ความดับอาสวะ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับอาสวะ เมื่อเธอรู้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตของเธอย่อมหลุดพ้น แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิต หลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่ จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก

           นี้ชื่อว่าชัยชนะ ในสงครามของเธอ นักรบอาชีพนั้น แม้เห็นฝุ่นฟุ้งขึ้น ก็อดทนได้ แม้เห็นยอดธงของข้าศึก ก็อดทนได้ แม้ได้ยินเสียงกึกก้องของข้าศึก ก็อดทนได้ อดทน ต่อการสัมปหารของข้าศึกได้ เขาชนะสงครามแล้ว เป็นผู้พิชิตสงครามแล้ว ยึดครองค่าย สงครามนั้นไว้ได้ แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ นี้คือบุคคลผู้เปรียบด้วย นักรบอาชีพจำพวกที่ ๕ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏ อยู่ในพวกภิกษุ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๙๕-๑๐๐

๖. โยธาชีวสูตรที่ ๒
(นักรบอาชีพ ๕ จำพวก)

           [๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก๕ จำพวก เป็นไฉน คือ

           ๑.นักรบอาชีพบางคนในโลกนี้ ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนูและแล่ง แล้วเข้า สนามรบ เขาย่อมขะมักเขม้นพยายามรบ ในสนามรบนั้นพวกข้าศึก ย่อมฆ่าเขาตาย ทำลายเขาได้ นักรบอาชีพบางคน แม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในโลกนี้ นี้เป็นนักรบอาชีพจำพวกที่ ๑ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ๒.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางคนในโลกนี้ ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนู และแล่ง แล้วเข้าสนามรบ เขาย่อมขะมักเขม้น พยายามรบในสนามรบนั้น พวกข้าศึก ย่อมทำร้ายเขาให้บาดเจ็บ พวกของเขาย่อมนำเขาออกมาส่งไปถึงหมู่ญาติ เขากำลัง ถูกนำไปยังไม่ถึงหมู่ญาติ ทำกาละเสียในระหว่างทาง นักรบอาชีพบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในโลกนี้ นี้เป็นนักรบอาชีพ จำพวกที่ ๒ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ๓.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางคนในโลกนี้ ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนู และแล่ง แล้วเข้าสนามรบ เขาย่อมขะมักเขม้น พยายามรบในสนามรบนั้น พวกข้าศึก ย่อมทำร้ายเขาให้บาดเจ็บ พวกของเขาย่อมนำเขาออกมา ส่งไปถึงหมู่ญาติ หมู่ญาติ ย่อมพยาบาลรักษาเขา เขาอันหมู่ญาติพยาบาลรักษาอยู่ ได้ทำกาละด้วยอาพาธนั้น นักรบอาชีพบางคน แม้เช่นนี้ก็มีอยู่ในโลกนี้ นี้เป็นนักรบอาชีพจำพวกที่ ๓ มีปรากฏ อยู่ในโลก

           ๔.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางคนในโลกนี้ ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนู และแล่ง แล้วเข้าสนามรบ เขาย่อมขะมักเขม้น พยายามรบในสนามรบนั้น พวกข้าศึก ย่อมทำร้ายเขาให้บาดเจ็บ พวกของเขาย่อมนำเขาออกมา ส่งไปถึงหมู่ญาติ หมู่ญาติ ย่อมพยาบาลรักษาเขา เขาอันหมู่ญาติ พยาบาลรักษาอยู่ ก็ได้หายจากอาพาธนั้น นักรบอาชีพบางคน แม้เช่นนี้ก็มีอยู่ในโลกนี้ นี้เป็นนักรบอาชีพจำพวกที่ ๔ มีปรากฏ อยู่ในโลก

           ๕.อีกประการหนึ่ง นักรบอาชีพบางคนในโลกนี้ ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนู และแล่ง แล้วเข้าสนามรบ เขาย่อมชนะสงครามแล้ว เป็นผู้พิชิตสงครามยึดครอง ค่ายสงครามไว้ได้ นักรบอาชีพบางคน แม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในโลกนี้ นี้เป็นนักรบอาชีพ จำพวกที่ ๕ มีปรากฏอยู่ในโลก

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

           บุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ ฉันนั้น เหมือนกัน ๕ จำพวกเป็นไฉน คือ

           ๑.ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยบ้านหรือนิคมบางแห่งอยู่ ครั้นเวลาเช้า เธอนุ่งสบง ถือบาตรและจีวรแล้ว เข้าไปยังบ้านหรือนิคมนั้น เพื่อบิณฑบาต ไม่รักษากาย ไม่รักษา วาจา ไม่รักษาจิต มีสติไม่ตั้งมั่น ไม่สำรวมอินทรีย์ เธอได้เห็นมาตุคามนุ่งห่มลับๆ ล่อๆ ในบ้านหรือในนิคมนั้น เพราะเห็นมาตุคาม นุ่งห่มลับๆ ล่อๆ ราคะย่อมขจัดจิตของเธอ เธอมีจิตอันราคะขจัดแล้ว ไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำให้แจ้งซึ่งความทุรพล เสพเมถุนธรรม

           นักรบอาชีพนั้นถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนูและแล่ง แล้วเข้าสนามรบเขา ย่อมขะมักเขม้น พยายามรบในสนามรบนั้น พวกข้าศึกย่อมฆ่าเขาตาย ทำลายเขาได้ แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในธรรมวินัยนี้ นี้คือบุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ จำพวกที่ ๑ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ๒.อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมอาศัยบ้าน หรือนิคมบางแห่งอยู่ ครั้นเวลาเช้า เธอนุ่งสบง ถือบาตรและจีวรแล้ว เข้าไปยังบ้านหรือนิคมนั้น เพื่อบิณฑบาต ไม่รักษา กาย ไม่รักษาวาจา ไม่รักษาจิต มีสติไม่ตั้งมั่น ไม่สำรวมอินทรีย์ เธอได้เห็นมาตุคาม นุ่งห่มลับๆ ล่อๆ ในบ้านหรือนิคมนั้น เพราะเห็นมาตุคาม นุ่งห่มลับๆ ล่อๆ ราคะย่อมขจัด จิตของเธอ เธอมีจิตอันราคะขจัดแล้ว ย่อมเร่าร้อนกาย เร่าร้อนจิต

           เธอจึงคิดอย่างนี้ว่า ผิฉะนั้น เราควรไปอาราม บอกพวกภิกษุว่าอาวุโส ข้าพเจ้า ถูกราคะย้อมแล้ว ถูกราคะครอบงำแล้ว ไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ สืบต่อไปได้ จักทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมา เพื่อเป็นคฤหัสถ์ เธอกำลังเดินไปอาราม ยังไม่ทันถึงอาราม ก็ทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อเป็นคฤหัสถ์ ในระหว่างทาง

           นักรบอาชีพนั้น ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนูและแล่ง แล้วเข้าสนามรบ เขาย่อม ขะมักเขม้น พยายามรบในสนามรบนั้น พวกข้าศึกย่อมทำร้ายเขาให้บาดเจ็บ พวกของเขาย่อมนำเขาออกมาส่งไป ถึงหมู่ญาติ เขากำลังถูกนำไปยังไม่ถึงหมู่ญาติ ทำกาละเสียในระหว่างทาง แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคน แม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในธรรมวินัยนี้ นี้คือบุคคล ผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพจำพวกที่ ๒ มีปรากฏ อยู่ในพวกภิกษุ

           ๓.อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมอาศัยบ้าน หรือนิคมบางแห่งอยู่ ครั้นเวลาเช้า เธอนุ่งสบง ถือบาตรและจีวรแล้ว เข้าไปยังบ้านหรือนิคมนั้น เพื่อบิณฑบาต ไม่รักษา กาย ไม่รักษาวาจา ... บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อเป็นคฤหัสถ์ เธอไปสู่อารามบอกพวก ภิกษุว่า อาวุโส ข้าพเจ้าถูกราคะย้อมแล้ว ... บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อเป็นคฤหัสถ์ พวกเพื่อนพรหมจรรย์ จึงกล่าวสอน พร่ำสอนเธอว่า อาวุโส

           กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความ คับแค้นมาก มีโทษยิ่งใหญ่
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยร่างกระดูก มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยชิ้นเนื้อ มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยคบเพลิงมีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิงมีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยความฝัน มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยของขอยืม มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยผลไม้ มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยดาบและของมีคม มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยหอกและหลาว มีทุกข์มาก ...
-กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยโพรงไม้มีงู มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก มีโทษยิ่งใหญ่ ขอท่านผู้มีอายุ จงยินดียิ่งในพรหมจรรย์ จงอย่าทำ ให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมา เพื่อเป็นคฤหัสถ์ เธออัน พวกเพื่อนพรหมจรรย์กล่าวสอน พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ จึงกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส

           กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความ คับแค้นมาก มีโทษยิ่งใหญ่ ก็จริง แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ สืบต่อไปได้ จักทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมา เพื่อเป็นคฤหัสถ์ นักรบนั้นถือดาบและโล่ห์ ฯลฯ เขาอันหมู่ญาติพยาบาลรักษาอยู่ก็ได้ตา ยเพราะอาพาธนั้น แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในธรรมวินัยนี้ นี้คือบุคคล ผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพจำพวกที่ ๓ มีปรากฏอยู่ใน พวกภิกษุ

           ๔.อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมอาศัยบ้าน หรือนิคมบางแห่งอยู่ ครั้นเวลาเช้า เธอนุ่งสบง ถือบาตรและจีวรแล้ว เข้าไปยังบ้านหรือนิคมนั้น เพื่อบิณฑบาต ไม่รักษา กาย ไม่รักษาวาจา ... บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อเป็นคฤหัสถ์ เพื่อไปอาราม บอกพวก ภิกษุว่า อาวุโส ข้าพเจ้าถูกราคะย้อมแล้ว ... บอกคืนสิกขาเวียนมาเพื่อเป็นคฤหัสถ์ พวกเพื่อนพรหมจรรย์ จึงกล่าวสอน พร่ำสอนเธอว่า อาวุโส กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก มีโทษยิ่งใหญ่ กามทั้งหลาย

           พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เปรียบด้วยร่างกระดูก... เปรียบด้วยชิ้นเนื้อ ... เปรียบด้วยคบเพลิง ... เปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง ...เปรียบด้วยความฝัน ... เปรียบด้วยของขอยืม ... เปรียบด้วยผลไม้ ... เปรียบด้วยดาบและของคม ... เปรียบด้วยหอกและหลาว ... เปรียบด้วยโพรงไม้มีงู มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก มีโทษยิ่งใหญ่ ขอท่านมีผู้อายุจ งยินดียิ่งในพรหมจรรย์ จงอย่า ทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมา เพื่อเป็นคฤหัสถ์ เธออันพวกเพื่อนพรหมจรรย์กล่าวสอน พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ จึงกล่าวอย่างนี้ว่า

           อาวุโส ข้าพระเจ้าจักขะมักเขม้น จักทรงไว้ จักยินดียิ่ง จักไม่กระทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้ทุรพลในสิกขา บอกคืนสิกขาเวียนมา เพื่อเป็นคฤหัสถ์ ณ บัดนี้ นักรบนั้น ถือดาบ และโล่ห์ ... เขาอันหมู่ญาติพยาบาลรักษาอยู่ ก็ได้หายจากอาพาธนั้น แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในธรรมวินัยนี้ นี้คือบุคคล ผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพจำพวกที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ๕.อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมอาศัยบ้าน หรือนิคมบางแห่งอยู่ ครั้นเวลาเช้า เธอนุ่งสบงถือบาตร และจีวรแล้ว เข้าไปยังบ้านหรือนิคมนั้น เพื่อบิณฑบาต รักษากาย รักษาวาจา รักษาจิต มีสติตั้งมั่นสำรวมอินทรีย์

           เธอเห็นรูปด้วยจักษุ แล้วย่อมไม่ถือ โดยนิมิต ย่อมไม่ถือโดยอนุพยัญชนะ ย่อม ปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวม แล้ว พึงเป็นเหตุให้ธรรม อันเป็นบาปอกุศล คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ย่อมรักษาจักขุนทรีย์ ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์ ฟังเสียงด้วยหู ... ดมกลิ่นด้วยจมูก ... ลิ้มรสด้วยลิ้น ... ถูกต้องโผฏฐัพพะ ด้วยกาย ... รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมไม่ถือโดยนิมิต ย่อมไม่ถือโดย อนุพยัญชนะ ย่อมปฏิบัติ เพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว พึงเป็นเหตุให้ธรรม อันเป็นบาป อกุศล คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ย่อมรักษามนินทรีย์ ถึงความ สำรวม ในมนินทรีย์

           เธอกลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัตแล้ว ย่อมเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏที่แจ้ง ลอมฟาง เธออยู่ในป่า โคนไม้ หรือ เรือนว่าง ย่อมนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า

           เธอย่อมละอภิชฌาในโลกเสีย ฯลฯ เธอละนิวรณ์ ๕ ประการนี้ อันเป็นเครื่อง เศร้าหมองใจ ทำปัญญาให้ทุรพล ได้แล้วสงัดจากกามฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติ บริสุทธิ์อยู่ เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลสปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวแล้วอย่างนี้

           เธอย่อมโน้มน้อมจิตไป เพื่ออาสวักขยญาณ เธอย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก นักรบอาชีพนั้น ถือดาบและโล่ห์ ผูกสอดธนูและแล่งแล้ว เข้าสนามรบ เขาชนะสงครามแล้ว เป็นผู้พิชิตสงคราม ยึดครอง ค่ายสงครามนั้นไว้ได้ แม้ฉันใด

           เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ ก็มีอยู่ในธรรมวินัยนี้ นี้คือบุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ จำพวกที่ ๕ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์