เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ภิกษุพึงห้ามจิตเสียจากรูป ที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ ด้วยมนสิการว่าทางนั้นมีภัย (วีณาสูตร) 1734
  (โดยย่อ)

ภิกษุ ท. ความพอใจ ความกำหนัด ความขัดเคือง ความหลง ความคับแค้นใจ ในรูป อันบุคคล พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ พึงบังเกิดขึ้น

ภิกษุหรือภิกษุณีพึงห้ามจิตเสียจากรูป ( เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ด้วยมนสิการว่าหนทางนั้น มีภัย มีภัยตั้งอยู่เฉพาะหน้าเป็นทางผิด ไม่ใช่ทางที่สัตบุรุษเสพ ท่านไม่ควรเสพหนทางนั้น

ดูกรภิกษ ท. คราวใด จิตอันภิกษุข่มแล้ว ข่มไว้ดีแล้ว ในผัสสายตนะ ๖ คราวนั้น จิตย่อมดำรงอยู่ สงบนิ่งในภายใน มีธรรมเอกผุดขึ้น ย่อมตั้งมั่น
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 

 


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๗-๒๒๙


ภิกษุพึงห้ามจิตเสียจากรูป ที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ ด้วยมนสิการว่าทางนั้นมีภัย (วีณาสูตร)

            [๓๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความพอใจ ความกำหนัด ความขัดเคือง ความหลง หรือแม้ความคับแค้นใจ ในรูป อันบุคคลพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ พึงบังเกิดขึ้น แก่ ภิกษุหรือแก่ภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ภิกษุหรือภิกษุณีพึงห้ามจิตเสียจากรูป อันบุคคล พึงรู้แจ้งด้วยจักษุนั้น ด้วยมนสิการว่า หนทางนั้นมีภัย มีภัยตั้งอยู่ เฉพาะหน้า มีหนาม มีรกชัฏ เป็นทางผิด เป็นทางที่บัณฑิตเกลียด และเป็นทางที่ไป ลำบากเป็นทางอัน อสัตบุรุษเสพ ไม่ใช่ทางที่สัตบุรุษเสพ ท่านไม่ควรเสพ หนทางนั้น ภิกษุหรือภิกษุณี พึงห้ามจิตเสียจากรูป อันบุคคลพึงรู้แจ้งด้วยจักษุนั้น ฯลฯ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความพอใจ ความกำหนัด ความขัดเคือง ความหลง หรือแม้ความคับแค้นใจ ในธรรมารมณ์ อันบุคคลพึงรู้แจ้งด้วยใจ พึงบังเกิดขึ้นแก่ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ภิกษุหรือภิกษุณีพึงห้ามจิตเสีย จากธรรมารมณ์นั้น ด้วยมนสิการว่า หนทางนั้นมีภัย มีภัยตั้งอยู่เฉพาะหน้า มีหนาม มีรกชัฏ เป็นทางผิด เป็นทางอันบัณฑิตเกลียด และเป็นทางที่ไปลำบาก เป็นทางอันอสัตบุรุษเสพ ไม่ใช่ทางที่สัตบุรุษเสพ ท่านย่อมไม่ควรเสพหนทางนั้น ภิกษุหรือภิกษุณีพึงห้ามจิต เสียจากธรรมารมณ์อันบุคคลพึงรู้แจ้งด้วยใจนั้น

            [๓๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้าวกล้าถึงสมบูรณ์ แต่เจ้าของผู้รักษาข้าวกล้า เป็นผู้ประมาท และโคกินข้าวกล้าลงสู่ข้าวกล้าโน้น พึงถึงความเมา ความประมาท ตามต้องการ แม้ฉันใด ปุถุชนผู้ไม่สดับแล้ว ไม่ทำความสำรวมในผัสสายตนะ ๖ ย่อมถึงความเมา ความประมาทในกามคุณ ๕ ตามความต้องการฉันนั้น

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้าวกล้าสมบูรณ์แล้ว เจ้าของผู้รักษาข้าวกล้าเป็นผู้ ไม่ประมาท และโคกินข้าวกล้าพึงลงสู่ข้าวกล้าโน้น เจ้าของผู้รักษาข้าวกล้า พึงจับ โคนั้น สนสะพาย แล้วผูกรวมไว้ที่ระหว่างเขาทั้งสอง

             ครั้นแล้ว พึงตีกระหน่ำด้วยท่อนไม้ แล้วพึงปล่อยไป โคตัวกินข้าวกล้า พึงลงสู่ข้าวกล้าโน้น แม้ครั้งที่ ๒...แม้ครั้งที่ ๓ เจ้าของผู้รักษาข้าวกล้า พึงจับโค สนสะพาย แล้วผูกรวมไว้ที่ระหว่างเขาทั้ง ๒ ครั้นแล้วพึงตีกระหน่ำด้วย ท่อนไม้ แล้วพึงปล่อยไป โคกินข้าวกล้านั้นอยู่ในบ้านก็ดี อยู่ในป่าก็ดี พึงเป็นสัตว์ยืนมาก หรือนอนมาก ไม่พึงลงสู่ข้าวกล้านั้นอีก พลางระลึกถึงการถูกตีด้วยไม้ ครั้งก่อนนั้น นั่นแหละ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลายคราวใด จิตอันภิกษุข่มแล้ว ข่มไว้ดีแล้ว ในผัสสายตนะ ๖ คราวนั้น จิตย่อมดำรงอยู่ สงบนิ่งในภายใน มีธรรมเอกผุดขึ้น ย่อมตั้งมั่น ฉันนั้น เหมือนกันแล

            [๓๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา ยังไม่เคยได้ฟังเสียงพิณ พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา ฟังเสียงพิณแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า แน่ะท่านผู้เจริญ นั่นเสียงอะไรหนอ น่าชอบใจ น่าใคร่ น่าบันเทิง น่าหมกมุ่น น่าพัวพันอย่างนี้

            บุรุษนั้นกราบทูลว่า

             ขอเดชะ เสียงนั้นเป็นเสียงพิณ พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา พึงกล่าวว่า แน่ะท่านผู้เจริญท่านทั้งหลาย จงนำพิณนั้นมาให้แก่เรา ราชบุรุษ ทั้งหลาย พึงนำพิณมาถวาย พึงกราบทูลว่า นี่คือพิณนั้น พระราชาหรือมหาอำมาตย์ แห่งพระราชานั้น พึงกล่าวว่าแน่ะท่านผู้เจริญ ฉันไม่ต้องการพิณนั้น ท่านทั้งหลาย จงนำเสียงพิณนั้นมาให้แก่เราเถิด

            ราชบุรุษกราบทูลว่า

            ขอเดชะ ขึ้นชื่อว่าพิณนี้มีเครื่องประกอบหลายอย่างมีเครื่องประกอบมาก นายช่างประกอบดีแล้วด้วยเครื่องประกอบหลายอย่าง คือธรรมดาว่าพิณนี้ อาศัย กระพอง อาศัยแท่น อาศัยลูกบิด อาศัยนม อาศัยสายอาศัยคัน และอาศัย ความ พยายาม ของบุรุษซึ่งสมควรแก่พิณนั้น มีเครื่องประกอบหลายอย่าง มีเครื่องประกอบ มาก นายช่างประกอบดีแล้ว ด้วยเครื่องประกอบหลายอย่างจึงจะเปล่งเสียงได้

            พระราชาหรือมหาอำมาตย์ของพระราชา ทรงผ่าพิณนั้น ๑๐ เสี่ยงหรือ ๑๐๐ เสี่ยง แล้วกระทำให้เป็นส่วนน้อยๆ แล้วพึงเผาด้วยไฟแล้วพึงกระทำให้เป็นเขม่า โปรยไปด้วยลมแรง หรือพึงลอยไปเสียในแม่น้ำมีกระแสอันเชี่ยว ท้าวเธอตรัส อย่างนี้ ว่า ท่านผู้เจริญได้ยินว่า ชื่อว่าพิณนี้เลวทรามสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่จะเลวทรามกว่าพิณนี้ ไม่มี เพราะพิณนี้ คนต้องมัวเมา ประมาทหลงใหลจนเกินขอบเขต ฉันใด

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุก็ฉันนั้นนั่นแล ย่อมแสวงหารูปเท่าที่มีคติ เวทนา ... สัญญา ... สังขารทั้งหลาย ... วิญญาณเท่าที่มีคติอยู่ เมื่อเธอแสวงหารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่าที่มีคติอยู่ ความยึดถือโดยคติของภิกษุนั้นว่าเรา หรือว่าของเรา หรือว่าเป็นเรา แม้นั้นก็ไม่มีแก่เธอ

 


 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์