ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ (หน้า 55) นรก เพราะไม่รู้ ปฏิจจสมุปบาท ร้อนยิ่งกว่านรกไหนหมด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นรกชื่อว่ามหาปริฬาหะ มีอยู่ ในนรกนั้น บุคคลยังเห็นรูปอย่างใด อย่างหนึ่งได้ด้วยจักษุ แต่ได้ เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปราถนาเลย เห็นรูปที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย เห็นรูปที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าพอใจเลย ในนรกนั้น บุคคลยังฟังเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยโสตะ แต่ได้ ฟังเสียงที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าปรารถนาเลย ฟังเสียงที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าใคร่เลย ฟังเสียงที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าพอใจเลย ในนรกนั้น บุคคลยังรู้สึกกลิ่นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยฆานะ แต่ ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าปรารถนาเลย ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่น ที่น่าใคร่เลย ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าพอใจเลย ในนรกนั้น บุคคลยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยชิวหา แต่ ได้ลิ้มรสที่ไม่ปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าปราถนาเลย ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าใคร่เลย ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าพอใจเลย ในนรกนั้น บุคคลยังถูกต้องโผฏฐัพพะอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยกาย แต่ ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าปรารถนาเลย ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ ที่ไม่น่าใคร่ อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าใคร่เลย ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าพอใจเลย ในรกนั้น บุคคลยังรู้สึกธัมมารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยมโน แต่ ได้รู้สึกธัมมารมณ์ ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย ได้รู้สึกธัมมารมณ์ ที่ไม่น่าใคร่ อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าใคร่เลย ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึก ธัมมารมณ์ที่น่าพอใจเลย เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงนักหนอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มีไหม พระเจ้าข้า ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อน นี้?" ดูก่อนภิกษุ! มีอยู่ ความเร่าร้อนอื่น ที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ก็ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่าน่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้เป็นอย่างไรเล่า?" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง ว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ " ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ " ว่า "ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" ว่า "ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะ-ทุกขะโทมนัสอุปายาส สมณพราหมณ์เหล่านั้น ครั้นยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว ย่อมปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลายเช่นนั้นแล้ว ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชาติ (ความเกิด) บ้าง ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชราบ้าง ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งมรณะบ้าง ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสบ้าง เรากล่าวว่า "สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย คือไม่พ้นจากทุกข์" ดังนี้. (ฝ่ายปฏิษักขนัย-ตรงกันข้าม) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ส่วนสมณหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริง ว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" ว่า "ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" ว่า " ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุ ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่ยินดียิ่งในสังขาร ทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส สมณพราหมณ์ เหล่านั้น ครั้นไม่ยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อม เพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นไม่ปรุง แต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว ย่อมไม่เร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชาติ (ความเกิด) บ้าง ย่อมไม่เร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชรา บ้าง ย่อมไม่เร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่ง มรณะบ้าง ย่อมไม่เร้าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโลกะ ปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสบ้าง เรากล่าวว่า "สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมหลุดพ้นจากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ทั้งหลาย คือหลุดพ้นจากทุกข์" ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอทั้งหลาย พึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามที่ เป็นจริง ว่า "ทุกข์เป็นอย่างนี้ ๆ " ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ " ว่า "ความดับ ไม่เหลือ แห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" ว่า "ข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ" ดังนี้เถิด