พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ วินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒ หน้า ๑๐
เรื่องภาระทวาชะเถระ เหาะขึ้นไปปลดบาตรของเศรษฐี
เรื่องบาตรปุ่มไม้จันทน์
[๒๙] สมัยต่อมา ปุ่มไม้แก่จันทน์มีราคามาก ได้บังเกิดแก่เศรษฐี ชาวเมือง ราชคฤห์ จึงราชคหเศรษฐีได้คิดว่า ถ้ากระไรเราจะให้กลึงบาตรด้วยปุ่มไม้แก่นจันทน์นี้ ส่วนที่กลึงเหลือ เราจักเก็บไว้ใช้ และเราจักให้บาตรเป็นทาน หลังจากนั้น ท่านราชคห เศรษฐี ให้กลึงบาตรด้วยปุ่มไม้แก่นจันทน์นั้น แล้วใส่สาแหลก แขวนไว้ ที่ปลายไม้ไผ่ ผูกต่อๆกันขึ้นไป แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า สมณะ หรือ พราหมณ์ ผู้ใดเป็นพระอรหันต์ และมีฤทธิ์ จงปลดบาตรที่เราให้แล้วไปเถิด
[๓๐] ขณะนั้น ปูรณะกัสสป เข้าไปหาท่านราชคหเศรษฐีแล้ว กล่าวว่า ท่านคหบดี อาตมานี้แหละเป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ ขอท่านจงให้บาตรแก่ อาตมาเถิด ท่านเศรษฐีตอบว่า ท่านเจ้าข้า ถ้าพระคุณเจ้าเป็นพระอรหันต์และ มีฤทธิ์ ก็จงปลดบาตร ที่ข้าพเจ้าให้แล้วนั่นแลไปเถิด
ต่อมา ท่านมักขลิโคสาล ท่านอชิตเกสกัมพล ท่านปกุธกัจจายนะ ท่านสัญชัยเวลัฏฐ บุตรท่านนิครนถ์นาฏบุตร ได้เข้าไปหาท่านราชคหเศรษฐี แล้วกล่าวว่า ท่านคหบดี อาตมานี้แหละเป็นพระอรหันต์ และมีฤทธิ์ ขอท่านจงให้ บาตร แก่อาตมาเถิด ท่านเศรษฐีตอบว่า ท่านเจ้าข้าถ้าพระคุณเจ้า เป็นพระอรหันต์ และมีฤทธิ์ ก็จงปลดบาตรที่ข้าพเจ้าให้แล้วนั่นแลไปเถิด
เรื่องพระปิณโฑลภารทวาชเถระ
[๓๑] สมัยต่อมา ท่านพระมหาโมคคัลลานะ กับ ท่านพระปิณโฑล ภารทวาชะ ครองอันตรวาสกในเวลาเช้าแล้ว ถือบาตรจีวร เข้าไปบิณฑบาต ในเมืองราชคฤห์ อันที่แท้ ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ เป็นพระอรหันต์ และ มีฤทธิ์ แม้ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ก็เป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ จึงท่าน พระปิณโฑล ภารทวาชะ ได้กล่าว กะท่านพระมหาโมคคัลลานะว่าไปเถิด ท่านโมคคัลลานะ จงปลดบาตรนั้นลง บาตรนั้น ของท่าน แม้ท่านพระโมคคัลลานะ ก็กล่าวกะท่านพระปิณโฑลภาร ทวาชะว่า ไปเถิด ท่านภารทวาชะ จงปลดบาตรนั้นลง บาตรนั้นของท่าน จึงท่าน พระปิณโฑล ภารทวาชะเหาะขึ้นสู่เวหาส ถือบาตรนั้น เวียนไป รอบเมืองราชคฤห์ ๓ รอบ
[๓๒] ครั้งนั้น ท่านราชคหเศรษฐีพร้อมกับบุตรภรรยา ยืนอยู่ในเรือนของตน ประคองอัญชลี นมัสการ กล่าวนิมนต์ว่าท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าภารทวาชะ จงประดิษฐานในเรือนของข้าพเจ้านี้เถิด จึงท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ประดิษฐาน ในเรือน ของท่านราชคหเศรษฐี ขณะนั้นท่านราชคหเศรษฐี รับบาตร จากมือของท่าน พระปิณโฑลภารทวาชะ แล้วได้จัดของเคี้ยวมีค่ามากถวายท่าน พระปิณโฑล ภารทวาชะ ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะได้รับบาตรนั้น ไปสู่พระอาราม ชาวบ้าน ได้ทราบข่าวว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ปลดบาตร ของราชคหเศรษฐี ไปแล้ว และชาวบ้านเหล่านั้นมีเสียงอึกทึกเกรียวกราว ติดตามพระปิณโฑลภารทวาชะ ไปข้างหลังๆ พระผู้มีพระภาค ได้ทรงสดับเสียงอึกทึก เกรียวกราว
ครั้นแล้วตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า อานนท์ นั่นเสียงอึกทึก เกรียวกราว เรื่องอะไรกัน ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า ท่านพระปิณโฑล ภารทวาชะ ปลดบาตรของท่านราชคหเศรษฐีลงแล้ว พวกชาวบ้าน ทราบข่าวว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ปลดบาตรของท่านราชคหเศรษฐีลง จึงพากันติดตาม ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะมา ข้างหลังๆ อย่างอึกทึกเกรียวกราว พระพุทธเจ้าข้า เสียงอึกทึกเกรียวกราวนี้ คือเสียงนั้น พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระผู้มีพระภาคได้ทรงสดับเสียงอึกทึกเกรียวกราว ครั้นแล้วตรัสถาม ท่านพระอานนท์ว่า อานนท์ นั่นเสียงอึกทึก เกรียวกราว เรื่องอะไรกันท่านพระอานนท์ กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ปลดบาตรของท่าน ราชคหเศรษฐีลงแล้ว พวกชาวบ้านทราบข่าวว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ปลดบาตรของท่านราชคหเศรษฐีลง จึงพากันติดตามท่านพระปิณโฑลภารทวาชะมา ข้างหลังๆ อย่างอึกทึกเกรียวกราว พระพุทธเจ้าข้า เสียงอึกทึกเกรียวกราวนี้ คือเสียงนั้น พระพุทธเจ้าข้า
[๓๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุ เป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระปิณโฑลภาร ทวาชะว่า ภารทวาชะ ข่าวว่าเธอปลดบาตร ของราชคหเศรษฐีลง จริงหรือ
ท่านพระปิณโฑล ภารทวาชะทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงติเตียนว่า ภารทวาชะ การกระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สมไม่ควร ไม่ใช่กิจของ สมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนเธอจึงได้แสดง อิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมอันยวดยิ่ง ของมนุษย์ แก่พวกคฤหัสถ์ เพราะเหตุแห่ง บาตรไม้ ซึ่งเป็นดุจซากศพเล่า มาตุคามแสดงของลับ เพราะเหตุแห่งทรัพย์ ซึ่งเป็นดุจซากศพแม้ฉันใด เธอก็ฉันนั้น เหมือนกัน ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรม อันยวดยิ่งของมนุษย์ แก่พวกคฤหัสถ์ เพราะเหตุแห่งบาตร ไม้ซึ่งเป็นดุจซากศพ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อ ความเลื่อมใสของ ชุมชน ที่ยังไม่เลื่อมใส ...
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึง แสดงอิทธิปาฎิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ แก่พวกคฤหัสถ์ รูปใดแสดง ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอจงทำลายบาตรไม้นั่น บดให้ละเอียด ใช้เป็นยาหยอดตา ของภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุไม่พึงใช้บาตรไม้ รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
|