พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๑๐-๔๑๕
โกกาลิกสูตรที่ ๑๐
พระโกกาลิกะ
[๓๘๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล โกกาลิกภิกษุ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เป็นผู้มีความ ปรารถนาลามก ตกอยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาลามก พระเจ้าข้า
[๓๘๕] เมื่อโกกาลิกภิกษุกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะ โกกาลิกภิกษุว่า โกกาลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ โกกาลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ เธอจงยังจิตให้เลื่อมใสในสารีบุตรและโมคคัลลานะเถิด สารีบุตรและโมคคัลลานะ มีศีล เป็นที่รัก
แม้ครั้งที่ ๒ โกกาลิกภิกษุ ก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค ทรงชักนำข้าพระองค์ให้จงใจเชื่อ ให้เลื่อมใส ก็จริงแต่ พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเป็นผู้มีความปรารถนาลามก แม้ครั้งที่ ๒ พระผู้มีพระภาค ก็ได้ตรัสกะโกกาลิกภิกษุว่า โกกาลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ โกกาลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้เลย เธอจงยังจิตให้เลื่อมใสในสารีบุตร และ โมคคัลลาน ะเถิด สารีบุตรและโมคคัลลานะมีศีลเป็นที่รัก
แม้ครั้งที่ ๓ ...
ลำดับนั้นแล โกกาลิกภิกษุลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ แล้วหลีกไป เมื่อโกกาลิกภิกษุหลีกไปแล้วไม่นานนัก ได้มีต่อมประมาณเมล็ดพันธุ์ ผักกาดเกิดขึ้นทั่วกาย ครั้นแล้ว เป็นต่อมประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว เท่าเมล็ดถั่วดำ เท่าเมล็ดพุดซา เท่าผลพุดซา เท่าผลมะขามป้อม เท่าผลมะตูมอ่อน เท่าผลขนุนอ่อน แตกหัวแล้ว หนองและเลือดไหลออก ลำดับนั้น โกกาลิกภิกษุมรณภาพเพราะ อาพาธนั้นเอง
ครั้นโกกาลิกภิกษุมรณภาพ แล้วก็ย่อมอุบัติในปทุมนรก เพราะจิตคิดอาฆาต ในพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะครั้งนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อปฐมยามล่วงไป แล้ว มีรัศมีงามยิ่ง ทำพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โกกาลิกภิกษุมรณภาพแล้ว ครั้นแล้วอุบัติ ในปทุมนรก เพราะจิตคิดอาฆาตในพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ท้าวสหัมบดีพรหม ครั้นกราบทูลดังนี้แล้ว กระทำประทักษิณแล้ว ได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง
ครั้นพอล่วงราตรีนั้นไป พระผู้มีพระภาค ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว ท้าวสหัมบดีพรหม มีรัศมีอันงามยิ่ง ทำวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โกกาลิกภิกษุมรณภาพ แล้วอุบัติในปทุมนรก เพราะจิตคิดอาฆาตในพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ท้าวสหัมบดีพรหม ครั้นกล่าวดังนี้แล้ว กระทำประทักษิณแล้ว ได้อันตรธานหายไป ในที่นั้นเอง
[๓๘๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ประมาณอายุในปทุมนรกนาน เพียงใด พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ ประมาณอายุในปทุมนรก นานนักการนับ ประมาณอายุในปทุมนรกนั้นว่า เท่านี้ปี เท่านี้ร้อยปี เท่านี้พันปี หรือว่าเท่านี้แสนปี ไม่ใช่ทำได้ง่าย
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระองค์สามารถ จะทรงกระทำการเปรียบเทียบได้ หรือไม่ พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคทรงรับว่า สามารถ ภิกษุ ดังนี้แล้ว ตรัสว่า ดูกรภิกษุเปรียบ เหมือน เกวียนที่บรรทุกงาหนัก ๒๐ หาบของชาวโกศล เมื่อล่วงไปได้ร้อยปี พันปี แสนปี บุรุษพึงหยิบเมล็ดงาขึ้นจากเกวียนนั้นออกทิ้งเมล็ดหนึ่งๆดูกรภิกษุ เกวียนที่บรรทุกงา หนัก ๒๐ หาบของชาวโกศลนั้น จะพึงถึงความสิ้นไปโดยลำดับนี้เร็วเสียกว่า แต่อัพพุทนรกหนึ่งจะไม่พึงถึงความสิ้นไปได้เลย ดูกรภิกษุ ๒๐ อัพพุทนรกเป็นหนึ่ง นิรัพพุทนรก ๒๐ นิรัพพุทนรกเป็นหนึ่งอัพพนรก ๒๐ อัพพนรกเป็นหนึ่งอหหนรก ๒๐ อหหนรกเป็นหนึ่งอฏฏนรก๒๐ อฏฏนรกเป็นหนึ่งกุมุทนรก ๒๐ กุมุทนรกเป็นหนึ่ง โสคันธิกนรก ๒๐โสคันธินรกเป็นหนึ่งอุปลกนรก ๒๐ อุปลกนรกเป็นหนึ่งปุณฑรีกนรก ๒๐ ปุณฑรีกนรกเป็นหนึ่งปทุมนรก อย่างนี้ ก็โกกาลิกภิกษุอุบัติในปทุมนรก เพราะจิต คิดอาฆาต ในสารีบุตร และโมคคัลลานะ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลงแล้วจึงได้ ตรัส คาถาประพันธ์ต่อไปว่า
[๓๘๗] ก็วาจาหยาบเช่นกับขวาน เกิดในปากของบุรุษแล้ว เป็นเหตุ ตัดรอน ตนเองของบุรุษผู้เป็นพาล ผู้กล่าวคำทุพภาษิต ผู้ ใดสรรเสริญคนที่ควรนินทา หรือ นินทาคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นย่อมก่อโทษเพราะปาก ย่อมไม่ได้ความสุขเพราะโทษ นั้น การแพ้ด้วยทรัพย์เพราะเล่นการพนันเป็นโทษเพียง เล็กน้อย โทษของผู้ที่ยังใจให้ ประทุษร้ายในท่านผู้ปฏิบัติดีนี้ แล เป็นโทษมากกว่า บุคคลตั้งวาจาและใจอันลามก ไว้แล้ว เป็นผู้ติเตียนพระอริยะเจ้า ย่อมเข้าถึงนรกตลอดกาลประมาณ ด้วยการนับปี ๑๐๐,๐๐๐ นิรัพพุทะและ ๔๐ อัพพุทะ ผู้ กล่าวคำเท็จย่อมเข้าถึงนรก
อนึ่ง ผู้ทำกรรมอันลามกแล้ว กล่าวว่าไม่ได้ทำ ก็ย่อมเข้าถึงนรกอย่างเดียวกัน แม้คนทั้ง สองนั้นเป็นมนุษย์ มีกรรมอันเลวทราม ละไปแล้วย่อมเป็นผู้ เสมอกันในโลก เบื้องหน้า ผู้ใดประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษ ร้าย ผู้เป็นบุรุษหมดจด ไม่มีกิเลสเครื่อง ยั่วยวน บาปย่อม กลับมาถึงผู้เป็นพาลนั้นเอง เหมือนธุลีละเอียดที่บุคคลซัดไป ทวนลม ฉะนั้น
ผู้ที่ประกอบเนืองๆ ในคุณคือความโลภ ไม่มีศรัทธา กระด้าง ไม่รู้ความประสงค์ ของผู้ขอ มีความ ตระหนี่ ประกอบเนืองๆ ในคำส่อเสียด ย่อมบริภาษผู้อื่น ด้วยวาจา แน่ะคนผู้มีปากเป็นหล่ม กล่าวคำอันไม่จริง ผู้ ไม่ประเสริฐ ผู้กำจัดความเจริญ ผู้ลามก ผู้กระทำความชั่ว ผู้เป็นบุรุษในที่สุด มีโทษ เป็นอวชาต ท่านอย่าได้พูด มากในที่นี้ อย่าเป็นสัตว์นรก ท่านย่อมเกลี่ยธุลี คือ กิเลส ลงในตนเพื่อกรรมมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
ท่านผู้ทำกรรมหยาบ ยังติเตียนสัตบุรุษ ท่านประพฤติทุจริตเป็นอันมากแล้ว ย่อม ไปสู่มหานรก สิ้นกาลนาน กรรมของใครๆ ย่อมฉิบหายไปไม่ ได้เลย บุคคลมา ได้รับกรรมนั้นแล เป็นเจ้าของแห่งกรรมนั้น (เพราะ) คนเขลาผู้ทำกรรมหยาบ ย่อมเห็น ความทุกข์ในตน ในปรโลก
ผู้ทำกรรมหยาบย่อมเข้าถึงสถานที่อันนายนิรยบาล นำขอเหล็กมา ย่อมเข้าถึง หลาวเหล็กอันคมกริบและย่อม เข้าถึงก้อนเหล็กแดงโชติช่วง เป็นอาหารอันสมควร แก่กรรม ที่ตนทำไว้อย่างนั้น สัตว์นรกทั้งหลายจะพูดก็พูดไม่ได้ จะ วิ่งหนีก็ไม่ได้ ไม่ได้ ที่ต้านทานเลย นายนิรยบาลลากขึ้นภูเขา ถ่านเพลิง
สัตว์นรกนั้นนอนอยู่บนถ่านเพลิงอันลาดไว้ ย่อม เข้าไปสู่กองไฟอันลุกโพลง พวกนายนิรยบาลเอาข่ายเหล็ก พัน ตีด้วยค้อนเหล็กในที่นั้น สัตว์นรกทั้งหลายย่อมไปสู่ โรรุวนรกที่มืดทึบ ความมืดทึบนั้นแผ่ไปเหมือนกลุ่มหมอก ฉะนั้น ก็ทีนั้น
สัตว์นรกทั้งหลาย ย่อมเข้าไปสู่หม้อเหล็ก อันไฟลุกโพลง ลอยฟ่องอยู่ ไหม้อยู่ ในหม้อเหล็กนั้นอันไฟ ลุกโพลงสิ้นกาลนาน ก็ผู้ทำกรรมหยาบจะไปสู่ทิศใดๆ ก็ หมกไหม้ อยู่ในหม้อเหล็กอันเปื้อน ด้วยหนองและเลือดในทิศ นั้นๆ ลำบากอยู่ในหม้อ เหล็กนั้น
ผู้ทำกรรมหยาบหมกไหม้ อยู่ในน้ำอันเป็นที่อยู่ของหมู่หนอน ในหม้อเหล็ก นั้นๆ แม้ ฝั่งเพื่อจะไปก็ไม่มีเลย เพราะกระทะครอบอยู่โดยรอบมิดชิด ในทิศทั้งปวง และยังมีป่าไม้มีใบเป็นดาบคม สัตว์นรก ทั้งหลายย่อมเข้าไปสู่ป่าไม้ ถูกดาบใบไม้ตัด หัวขาด พวกนาย นิรยบาล เอาเบ็ดเกี่ยวลิ้นออกแล้ว ย่อมเบียดเบียนด้วยการ ดึงออกมาๆ
ก็ลำดับนั้น สัตว์นรกทั้งหลายย่อมเข้าถึงแม่น้ำด่าง อันเป็นหล่ม ย่อมเข้าถึงคม มีดโกนอันคมกริบ สัตว์นรกทั้งหลาย ผู้กระทำบาป เป็นผู้เขลา ย่อมตกลงไปบนคม มีดโกน นั้นเพราะ ได้กระทำบาปไว้ ก็สุนัขดำ สุนัขด่าง และสุนัขจิ้งจอก ย่อม รุมกัดกิน สัตว์นรกทั้งหลาย ผู้ร้องไห้อยู่ที่นั้น ฝูงกาดำ แร้ง นกตะกรุม และกาไม่ดำ ย่อมรุมกัน จิกกิน
คนผู้ทำกรรม หยาบ ย่อมเห็นความเป็นไปในนรกนี้ยากหนอ เพราะฉะนั้น นรชนพึงเป็นผู้ทำกิจที่ควรทำในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ และไม่ พึงประมาท เกวียนบรรทุก
งา ผู้รู้ทั้งหลายนับแล้วนำเข้าไป เปรียบในปทุมนรก เป็น ๕๑,๒๐๐ โกฏิ นรกเป็นทุกข์ เรากล่าวแล้วในพระสูตรนี้ เพียงใด สัตว์ทั้งหลายผู้ทำ กรรมหยาบ พึงอยู่ในนรกแม้นั้น ตลอดกาลนานเพียงนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลพึงกำหนดรักษาวาจา ใจ ให้เป็นปรกติ ในผู้สะอาด มีศีลเป็นที่รักและมีคุณดีงามทั้งหลาย
|