พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๒-๒๗๓
๘. อันธการสูตร
กุศลวิตก ๓ ประการ
[๒๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก ๓ ประการนี้ กระทำความมืดมน ไม่กระทำ ปัญญาจักษุ กระทำความไม่รู้ ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่ง ความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน อกุศลวิตก ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑
กามวิตก
๒
พยาบาทวิตก
๓
วิหิงสาวิตก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก ๓ ประการนี้แล กระทำความมืดมน ไม่กระทำ ปัญญาจักษุ กระทำความไม่รู้ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน
[๒๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุศลวิตก ๓ ประการนี้ ไม่กระทำความมืดมน กระทำปัญญาจักษุ กระทำญาณ ยังปัญญาให้เจริญ ไม่เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความ คับแค้น เป็นไปเพื่อนิพพาน กุศลวิตก ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑
เนกขัมมวิตก
๒
อพยาบาทวิตก
๓
อวิหิงสาวิตก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุศลวิตก ๓ประการนี้แล ไม่กระทำความมืดมน กระทำ ปัญญาจักษุ กระทำญาณ ยังปัญญาให้เจริญ ไม่เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น เป็นไปเพื่อนิพพาน
พึงตรึกกุศลวิตก ๓ ประการ แต่พึงนำอกุศลวิตก ๓ ประการ ออกเสีย พระโยคาวจร* นั้นแล ยังมิจฉาวิตก ทั้งหลาย ให้สงบ ระงับ เปรียบเหมือนฝนยังธุลี ที่ลมพัดฟุ้งขึ้นแล้วให้สงบ ฉะนั้น พระโยคาวจร นั้น มีใจอันเข้าไปสงบวิตก ได้ถึงสันตบท คือนิพพานในปัจจุบันนี้แล
* พระโยคาวจร แปลว่า ผู้หยั่งลงสู่ความเพียร
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๒๗๓-๒๗๔
๙. มลสูตร
โลภะ โทสะ โมหะ เป็นอมิตรเป็นข้าศึก
[๒๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย มลทินในภายใน ๓ ประการ นี้ เป็นอมิตรเป็นศัตรู เป็นผู้ฆ่า เป็นข้าศึกในภายใน ๓ ประการเป็นไฉน คือ โลภะ ๑โทสะ ๑ โมหะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มลทินในภายใน ๓ ประการนี้แล เป็นอมิตร เป็นศัตรู เป็นผู้ฆ่า เป็นข้าศึกในภายใน
โลภะ ให้เกิดความฉิบหายโลภะทำจิตให้กำเริบชนไม่รู้สึกโลภะ นั้นอันเกิดแล้ว ในภายในว่าเป็นภัย คนโลภย่อมไม่รู้ประโยชน์ ย่อมไม่เห็นธรรม โลภะย่อมครอบงำนรชน ในขณะนั้น ความ มืดตื้อย่อมมีในขณะนั้น ก็ผู้ใดละความโลภได้ขาด ย่อมไม่โลภ ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความโลภ
ความโลภอันอริยมรรคย่อม ละเสียได้จากบุคคลนั้น เปรียบเหมือนหยดน้ำ ตกไปจาก ใบบัวฉะนั้น โทสะให้เกิดความฉิบหาย โทสะทำจิต ให้กำเริบ ชนไม่รู้จักโทสะ นั้นอันเกิดในภายในว่าเป็นภัย คนโกรธย่อมไม่รู้จักประโยชน์ ย่อมไม่เห็นธรรม โทสะ ย่อมครอบงำนรชนในขณะใด ความมืดตื้อย่อมมีในขณะ นั้น ก็บุคคลใดละโทสะได้ขาด ย่อมไม่ประทุษร้ายใน อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความประทุษร้าย
โทสะ อันอริยมรรค ย่อมละเสียได้จากบุคคลนั้น เปรียบเหมือนผลตาลสุกหลุด จากขั้วฉะนั้น โมหะให้เกิดความฉิบหาย โมหะทำจิต ให้กำเริบ ชนไม่รู้สึกโมหะนั้น อันเกิดในภายในว่าเป็นภัย คนหลงย่อมไม่รู้จักประโยชน์ ย่อมไม่เห็นธรรม
โมหะ ย่อมครอบงำนรชนในขณะใด ความมืดตื้อย่อมมีในขณะ นั้น ก็บุคคลใด ละโมหะได้ขาด ย่อมไม่หลงในอารมณ์ เป็นที่ตั้งแห่งความหลง บุคคลนั้นย่อมกำจัด ความหลงได้ ทั้งหมด เปรียบเหมือนพระอาทิตย์อุทัยขจัดมืดฉะนั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๒๗๔-๒๗๖
๑๐. เทวทัตตสูตร
อสัทธรรม ๓ ประการของพระเทวทัต
[๒๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตต์ผู้อันอสัทธรรม ๓ ประการ ครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เป็นผู้เกิดในอบาย เกิดในนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้ อสัทธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ พระเทวทัตต์ผู้อันความเป็นผู้มีความปรารถนาลามกครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เป็นผู้เกิด ในอบาย เกิดในนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้
๒ พระเทวทัตต์ผู้อันความเป็นผู้มีมิตรชั่วครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เป็นผู้เกิดในอบาย เกิดใน นรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้
๓ ก็เมื่อมรรคและผลที่ควรกระทำให้ยิ่งมีอยู่ พระเทวทัตต์ถึง ความพินาศเสียในระหว่าง เพราะการ บรรลุคุณวิเศษมีประมาณเล็กน้อย (บรรลุขั้นต่ำแล้วเลิกเสีย)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตต์ผู้อันอสัทธรรม ๓ ประการนี้แล ครอบงำย่ำยี จิตแล้ว เป็นผู้เกิดในอบาย เกิดในนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้
ใครๆ ผู้มีความปรารถนาลามก จงอย่าอุบัติในสัตว์โลก เลย คติของบุคคลผู้มี ความปรารถนาลามกเช่นไร ท่าน ทั้งหลายจงรู้คติเช่นนั้นด้วยเหตุแม้นี้ เราได้สดับ มาแล้วว่า พระเทวทัตต์โลกรู้กันว่า เป็นบัณฑิต ยกย่องกันว่า มี ตนอันอบรมแล้ว ดุจรุ่งเรืองอยู่ด้วยยศ ดำรงอยู่แล้ว พระเทวทัตต์นั้นประพฤติตามความประมาท เบียดเบียน พระตถาคตพระองค์นั้น ถึงอเวจีนรกอันมีประตู ๔ น่าพึงกลัว
ก็ผู้ใดพึงประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายผู้ไม่กระทำกรรม อันลามก ผลอันลามกย่อมถูกต้องผู้นั้นแล ผู้มีจิตประทุษร้ายผู้ ไม่เอื้อเฟื้อ ผู้ใดพึงสำคัญเพื่อจะ ประทุษร้ายสมุทรด้วยหม้อ ยาพิษผู้นั้นพึงประทุษร้ายด้วยหม้อยาพิษนั้นไม่ได้ เพราะว่า สมุทรใหญ่มาก
ผู้ใดย่อมเบียดเบียนพระตถาคตผู้ดำเนินไป โดยชอบมีจิตสงบระงับ ด้วยความ ประทุษร้ายอย่างนี้ ความ ประทุษร้ายย่อมไม่งอกงามในพระตถาคตพระองค์นั้น ภิกษุ ผู้ดำเนินไปตามทางของพระพุทธเจ้า หรือของพระสาวก ของพระพุทธเจ้าใด พึงถึง ความสิ้นไปแห่งทุกข์ ภิกษุ เป็นบัณฑิต พึงกระทำพระพุทธเจ้าหรือพระสาวกของพระ พุทธเจ้า ผู้เช่นนั้น ให้เป็นมิตร และพึงซ่องเสพพระพุทธ เจ้าหรือพระสาวกของ พระพุทธเจ้านั้น
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล |