เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

โคปาลกสูตร โคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญ.. ภิกษุก็ฉันนั้น 2387
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

โคปาลกสูตร องค์ประกอบของผู้เลี้ยงโค
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ เป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลในโลกนี้
๑ ย่อมไม่รู้จักรูป
๒ ไม่ฉลาดในลักษณะ
๓ ไม่กำจัดไข่ขัง(ไข่แมลงวัน)
๔ ไม่ปกปิดแผล
๕ ไม่สุมไฟ
๖ ไม่รู้ท่าน้ำ
๗ ไม่รู้ว่าโคดื่มน้ำแล้วหรือยัง
๘ ไม่รู้ทาง
๙ ไม่ฉลาดในที่หากิน
๑๐ รีดนมไม่ให้มีเหลือ
๑๑ ไม่บูชาโคผู้ทั้งหลายที่เป็น พ่อโค เป็นผู้นำฝูงโคด้วยการบูชาอย่างยิ่ง

ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการ ก็ไม่สามารถถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ๑ ย่อมไม่รู้จักรูป ๒ ไม่ฉลาดในลักษณะ ๓ ไม่กำจัดไข่ขัง ๔ไม่ปกปิดแผล ๕ ไม่สุมไฟ ...๑๑ ไม่บูชาภิกษุทั้งหลายผู้เป็น รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก...

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๖๗-๓๘๓

โคปาลกสูตร
องค์ประกอบของผู้เลี้ยงโค

             [๒๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ เป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลาย องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลในโลกนี้ ย่อมไม่รู้จักรูป ๑ ไม่ฉลาดในลักษณะ ๑ ไม่กำจัดไข่ขัง(ไข่แมลงวัน) ๑ ไม่ปกปิดแผล ๑ ไม่สุมไฟ ๑ ไม่รู้ท่าน้ำ ๑ ไม่รู้ว่าโคดื่มน้ำ แล้ว หรือยัง ๑ ไม่รู้ทาง ๑ ไม่ฉลาดในที่หากิน ๑ รีดนมไม่ให้มีเหลือ ๑ไม่บูชาโคผู้ ทั้งหลาย ที่เป็น พ่อโค เป็นผู้นำฝูงโคด้วยการบูชาอย่างยิ่ง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลผู้ประกอบ ด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล เป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโค ให้เจริญแพร่หลาย ฉันใด

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการ ก็เป็นผู้ไม่สามารถจะ ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน ธรรม ๑๑ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่รู้จักรูป ๑ ไม่ฉลาดในลักษณะ ๑ ไม่กำจัด ไข่ขัง ๑ไม่ปกปิดแผล ๑ ไม่สุมไฟ ๑ ไม่รู้ท่าน้ำ ๑ ไม่รู้ธรรมที่ดื่มแล้ว ๑ ไม่รู้ทาง ๑ ไม่ฉลาดในโคจร ๑ รีดนมไม่ให้มีเหลือ ๑ ไม่บูชาภิกษุทั้งหลายผู้เป็น รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง ๑

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑)ก็ภิกษุย่อมไม่รู้จักรูปอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อม ไม่รู้ชัด ซึ่งรูปอย่างใดอย่างหนึ่งตามความเป็นจริงว่า มหาภูตรูป ๔ และรูป อันอาศัย มหาภูตรูป ๔ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมไม่รู้จักรูปอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๒)ก็ภิกษุย่อมไม่ฉลาดในลักษณะอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า คนพาลมีกรรมเป็นลักษณะ บัณฑิตมีกรรมเป็นลักษณะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมไม่ฉลาด ในลักษณะอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๓)ก็ภิกษุไม่กำจัดไข่ขัง (ไข่แมลงวัน) อย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมให้ กามวิตก ที่บังเกิดขึ้นครอบงำ ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่กระทำ ให้สิ้นสุดซึ่งกามวิตก ที่เกิดขึ้น แล้ว ไม่ให้กามวิตกที่เกิดขึ้นแล้วถึงความไม่มี ย่อมให้ พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ครอบงำ ... ย่อมให้วิหิงสาวิตกที่เกิดขึ้นแล้ว ครอบงำ... ย่อมให้อกุศลธรรม อันลามก ที่เกิดขึ้นแล้วครอบงำ ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่กระทำให้สิ้นสุด ซึ่งอกุศลธรรม อันลามก ที่เกิดขึ้นแล้วๆ ไม่ให้อกุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว ถึงความไม่มี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่กำจัดไข่ขังอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๔) ก็ภิกษุย่อมไม่ปกปิดแผลอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมถือเอาโดยนิมิต ถือเอาโดยอนุพยัญชนะ ย่อมไม่ปฏิบัติเพื่อ สำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้วจะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌา และโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่าย่อมไม่รักษาจักขุนทรีย์ ชื่อว่าไม่ถึงความสำรวมใน จักขุนทรีย์ ฟังเสียงด้วยหู ... ดมกลิ่นด้วยจมูก ... ลิ้มรสด้วยลิ้น ... ถูกต้องโผฏฐัพพะ ด้วยกาย ... รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว เป็นผู้ถือเอาโดยนิมิต ถือเอาโดยอนุพยัญชนะ ย่อมไม่ปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้วจะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำ ชื่อว่าย่อมไม่รักษามนินทรีย์ ชื่อว่าย่อมไม่ถึงความ สำรวม ในมนินทรีย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ปกปิดแผลอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย(๕) ก็ภิกษุไม่สุมไฟอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่ แสดงธรรม ตามที่ฟังมาแล้ว ตามที่เรียนมาแล้ว แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุชื่อว่าไม่สุมไฟอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๖) ก็ภิกษุย่อมไม่รู้ท่าน้ำอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไป หา ภิกษุผู้เป็นพหูสูต ผู้ชำนาญนิกาย ผู้ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ตามเวลาอันสมควร ย่อมไม่สอบถาม ย่อมไม่ไต่ถามว่า ท่านผู้เจริญ พระพุทธพจน์นี้ เป็นอย่างไร อรรถแห่ง พระพุทธพจน์นี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมไม่เปิดเผย ข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ย่อมไม่ทำให้ตื้นข้อที่ยังไม่ได้ทำให้ตื้น และไม่บรรเทาความสงสัย ในธรรมเป็นที่ตั้ง แห่งความสงสัยมากอย่าง แก่ภิกษุนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมไม่รู้ ท่าน้ำอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๗) ก็ภิกษุย่อมไม่รู้ธรรมที่ดื่มแล้วอย่างไร ภิกษุในธรรม วินัยนี้ เมื่อธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว อันบุคคลอื่นแสดงอยู่ ย่อม ไม่ได้ ความรู้ อรรถ ไม่ได้ความรู้ธรรม ไม่ได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่รู้ธรรมที่ดื่มแล้วอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๘) ก็ภิกษุย่อมไม่รู้ทางอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่รู้ อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ตามความจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่รู้ ทาง อย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๙) ก็ภิกษุย่อมไม่ฉลาดในโคจรอย่างไร ภิกษุในธรรม วินัย นี้ ย่อมไม่รู้สติปัฏฐาน ๔ ตามความจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ฉลาดในโคจรอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑๐) ก็ภิกษุย่อมรีดนมไม่ให้เหลืออย่างไร ภิกษุในธรรมวินัย นี้ ย่อมไม่รู้ประมาณเพื่อการรับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลาน ปัจจัยเภสัชบริขาร ที่คฤหบดีผู้มีศรัทธาปวารณาเพื่อนำไปได้ตามพอใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมรีดนม ไม่ให้เหลืออย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑๑) ก็ภิกษุย่อมไม่บูชาภิกษุผู้เป็นพระเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง อย่างไรภิกษุในธรรมวินัย นี้ ย่อมไม่เข้าไปตั้งเมตตากายกรรม ทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับย่อมไม่เข้าไปตั้งเมตตา วจีกรรม ย่อมไม่เข้าไปตั้งเมตตามโนกรรม ทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ ในภิกษุทั้งหลายผู้เป็น พระเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดรเป็นสังฆปรินายก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมไม่บูชา ภิกษุผู้เป็นพระเถระผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก ด้วยการบูชา อย่างยิ่งอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการนี้ เป็นผู้ไม่สามารถ ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ เป็นผู้สามารถ เลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้ องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน คือนายโคบาลในโลกนี้ ย่อมรู้จักรูป ๑ ฉลาดในลักษณะ ๑ กำจัดไข่ขัง ๑ ปกปิดแผล ๑ สุมไฟ ๑ รู้ท่าน้ำ ๑ รู้โคว่าดื่มน้ำแล้วหรือยัง ๑ รู้ทาง ๑ ฉลาดในที่หากิน ๑ รีดนมให้เหลือ ๑ บูชาโคผู้ที่เป็น พ่อโค เป็นผู้นำฝูงโค ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง ๑

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล เป็นผู้ สามารถ เลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบ ด้วย ธรรม ๑๑ ประการ ย่อมเป็นผู้สามารถถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน

ธรรม ๑๑ ประการเป็นไฉน

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักรูป ๑ ฉลาดในลักษณะ ๑ กำจัดไข่ขัง ๑ ปกปิดแผล ๑ สุมไฟ ๑ รู้ท่าน้ำ ๑ รู้ธรรมที่ดื่มแล้ว ๑ รู้ทาง ๑ ฉลาดใน โคจร ๑ รีดให้เหลือ ๑ บูชาภิกษุผู้เป็นพระเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนานเป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง ๑

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑) ภิกษุรู้จักรูปอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้รูปอย่างใด อย่างหนึ่งตามเป็นจริงว่า มหาภูตรูป ๔ และรูปอาศัยมหาภูตรูป ๔ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมรู้จักรูปอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย(๒) ภิกษุย่อมฉลาดในลักษณะอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ตามเป็นจริงว่า คนพาลมีกรรมเป็นลักษณะ บัณฑิตมีกรรมเป็นลักษณะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉลาดในลักษณะอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๓) ภิกษุย่อมกำจัดไข่ขังอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่ให้ กามวิตกที่บังเกิดขึ้นครอบงำ ย่อมละ ย่อมบรรเทา ย่อมทำให้มีความสิ้นสุด ซึ่งกามวิตก อันเกิดขึ้นแล้ว ย่อมให้กามวิตกที่เกิดขึ้นแล้วถึงความไม่มี ย่อมไม่ให้ พยาบาทวิตก ที่บังเกิดขึ้นครอบงำ ... ย่อมไม่ให้วิหิงสาวิตกที่บังเกิดขึ้นครอบงำ ... ย่อมไม่ให้ อกุศลธรรม อันลามกที่เกิดขึ้นแล้วๆ ครอบงำ ย่อมละย่อมบรรเทา ย่อมทำให้มีความ สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มี ซึ่งอกุศลธรรมอันลามกที่เกิดขึ้นแล้วๆ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุกำจัดไข่ขังอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๔) ภิกษุย่อมปกปิดแผลอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูป ด้วยจักษุแล้ว ย่อมไม่ถือเอาโดยนิมิต ไม่ถือเอาโดยอนุพยัญชนะ ย่อมปฏิบัติ เพื่อสำรวม จักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้วจะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคือ อภิชฌา และ โทมนัส ครอบงำนั้น ชื่อว่ารักษาจักขุนทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมใน จักขุนทรีย์ ฟังเสียง ด้วยหู ... ดมกลิ่นด้วยจมูก ... ลิ้มรสด้วยลิ้น ...ถูกต้องโผฏฐัพพะ ด้วยกาย ... รู้แจ้ง ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมไม่ถือเอาโดยนิมิต ไม่ถือเอาโดย อนุพยัญชนะ ย่อมปฏิบัติ เพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้ อกุศลธรรม อันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่าย่อมรักษามนินทรีย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมปกปิดแผลอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๕) ก็ภิกษุย่อมสุมไฟอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงธรรมตามที่ตนฟังมาแล้ว ตามที่ตนเรียนมาแล้ว แก่คนเหล่าอื่น โดยพิสดาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมสุมไฟอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๖) ก็ภิกษุย่อมรู้ท่าน้ำอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปหา ภิกษุผู้เป็นพหูสูต ผู้ชำนาญนิกาย ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกาโดยกาล อันสมควร ย่อมสอบถามไต่ถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระพุทธพจน์นี้เป็นอย่างไร อรรถแห่ง พระพุทธพจน์นี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผยสิ่งที่ยังไม่เปิดเผย ย่อมทำให้ตื้น สิ่งที่ยังไม่ทำให้ตื้น และย่อมบรรเทาซึ่งความสงสัยในธรรม อันเป็นที่ตั้ง แห่งความ สงสัยมากอย่าง แก่ภิกษุนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุย่อมรู้ท่าน้ำอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๗) ก็ภิกษุย่อมรู้ธรรมที่ดื่มแล้วอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว อันผู้อื่นแสดงอยู่ ย่อมได้ ความรู้อรรถ ย่อมได้ ความรู้ธรรม ย่อมได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อม รู้ธรรมที่ดื่มแล้วอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๘) ภิกษุย่อมรู้ทางอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมรู้ทาง อย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย(๙) ก็ภิกษุย่อมฉลาดในโคจรอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้สติปัฏฐาน ๔ ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมฉลาดในโคจรอย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑๐) ก็ภิกษุย่อมรีดให้เหลืออย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุ ในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ประมาณเพื่อการรับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัช บริขาร ที่คฤหบดีผู้มีศรัทธาปวารณา เพื่อนำไป ได้ตามพอใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ ย่อมรีดให้เหลืออย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑๑) ก็ภิกษุย่อมบูชาภิกษุผู้เป็นพระเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง อย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเข้าไปตั้ง เมตตากายกรรม ทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ ย่อมเข้าไป ตั้งเมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ ในภิกษุผู้เป็นพระเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมบูชา ภิกษุผู้เป็นพระเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดรเป็นสังฆปรินายก ด้วยการบูชา อย่างยิ่ง อย่างนี้แล

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถถึง ซึ่งความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์