พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๙-๑๔๐
วัฑฒิสูตร
ความเจริญ ๑๐ ประการของอริยสาวก
[๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกเมื่อเจริญด้วยความเจริญ ๑๐ ประการ ย่อมเจริญด้วยความเจริญอันประเสริฐ และเป็นผู้ถือเอาสิ่งที่เป็นสาระ สิ่งที่ประเสริฐ แห่งกาย
ความเจริญ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ อริยสาวก
ย่อมเจริญด้วยนาและสวน ๑
ย่อมเจริญด้วยทรัพย์และข้าวเปลือก ๑
ย่อมเจริญด้วยบุตรและภรรยา ๑
ย่อมเจริญด้วยทาส กรรมกร และคนใช้ ๑
ย่อมเจริญด้วยสัตว์สี่เท้า ๑
ย่อมเจริญด้วยศรัทธา ๑
ย่อมเจริญด้วยศีล ๑
ย่อมเจริญด้วยสุตะ ๑
ย่อมเจริญด้วยจาคะ ๑
ย่อมเจริญด้วยปัญญา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก เมื่อเจริญด้วยความเจริญ ๑๐ ประการนี้ ย่อมเจริญด้วยความเจริญอันประเสริฐ และเป็นผู้ถือเอาสิ่งที่เป็นสาระ สิ่งที่ประเสริฐแห่งกาย
บุคคลใดในโลกนี้ ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ ข้าวเปลือก บุตร ภรรยา และสัตว์สี่เท้า บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้มีโชค มียศ เป็นผู้อันญาติมิตร และพระราชาบูชาแล้ว บุคคลใด ในโลก นี้ย่อมเจริญด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะและปัญญา บุคคล เช่นนั้น เป็นสัปบุรุษ มีปัญญาเครื่องพิจารณา ย่อมเจริญ ด้วยความเจริญทั้งสองประการ ในปัจจุบัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๐-๑๕๑
กากสูตร
อสัทธรรทของภิกษุผู้ลามก
[๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้มักขจัด ๑ คะนอง ๑ ทะเยอทะยาน ๑ กินจุ ๑ หยาบช้า ๑ ไม่มีกรุณา ๑ ไม่แข็งแรง ๑ มักร้อง ๑ เผลอสติ ๑ สั่งสม ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ลามก ก็ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ ฉันนั้นเหมือนกันแล ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้ขจัด ๑ คึกคะนอง ๑ ทะเยอทะยาน ๑ กินจุ ๑หยาบช้า ๑ ไม่มีกรุณา ๑ ไม่แข็งแรง ๑ มักร้อง ๑ เผลอสติ ๑ สั่งสม ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ลามก ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๑
นิคันถสูตร
นิครนถ์ประกอบด้วยอสัทธรรม
[๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกนิครนถ์ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
๑ เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒
ทุศีล
๓
ไม่มีความละอาย
๔
ไม่มีความเกรงกลัว
๕
ไม่ภักดีต่อสัตบุรุษ
๖
ยกตนข่มผู้อื่น
๗
ยึดมั่นความเห็นของตน ถือสิ่งที่ไม่ควรเก็บไว้ สละคืนความยึดมั่นถือมั่น ด้วยความเห็นของตนได้ยาก
๘
เป็นคนลวงโลก
๙
ปรารถนาลามก
๑๐
มีความเห็นผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกนิครนถ์ ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๑-๑๕๒
อาฆาตวัตถุสูตร
วัตถุแห่งความอาฆาต
[๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วัตถุแห่งความอาฆาต ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประ
การ เป็นไฉน คือ
๑
บุคคลย่อมผูกความอาฆาตว่า บุคคลโน้นได้ประพฤติ สิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ แก่เราแล้ว
๒ กำลังประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แก่เรา
๓ จักประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แก่เรา
๔ ย่อมผูกความอาฆาตว่า บุคคลโน้นได้ประพฤติ สิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่ เป็นที่รัก ที่ชอบใจของเราแล้ว
๕ กำลังประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา
๖ จักประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แ ก่ผู้ที่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา
๗ ย่อมผูกความอาฆาตว่า บุคคลโน้นได้ประพฤติ สิ่งอันเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของเราแล้ว
๘ กำลังประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา
๙ จักประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์แ ก่ผู้ที่ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา
๑๐ ย่อมโกรธในที่ไม่ควร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วัตถุแห่งความอาฆาต ๑๐ ประการนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๒-๑๕๓
อาฆาตปฏิวินยสูตร
อุบายกำจัดความอาฆาต
[๘๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบายเป็นเครื่องกำจัดความอาฆาต ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
๑ บุคคลย่อมกำจัดความอาฆาตว่า บุคคลได้ประพฤติ สิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ แก่เราแล้ว การประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๒ บุคคลกำลังประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แก่เรา การประพฤติ สิ่งอันเป็น ประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๓ บุคคลจักประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แก่เรา การประพฤติ สิ่งอันเป็น ประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๔ ย่อมกำจัดความอาฆาตว่า บุคคลได้ประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่เป็น ที่รักที่ชอบใจของเราแล้ว การประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๕ กำลังประพฤติ สิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แ ก่ผู้ที่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา การประพฤติ สิ่งอันเป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๖ จักประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา การประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๗ ย่อมกำจัดความอาฆาตว่า บุคคลได้ประพฤติสิ่ง อันเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของเราแล้ว การประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคล นี้แต่ที่ไหน
๘ กำลังประพฤติ สิ่งอันเป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา การประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๙ จักประพฤติสิ่ งอันเป็นประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจ ของเรา การประพฤติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ จะพึงได้ในบุคคลนี้แต่ที่ไหน
๑๐ ย่อมไม่โกรธในที่อันไม่ควร
ดูกรภิกษุทั้งหลายอุบายเป็นเครื่องกำจัดความอาฆาต ๑๐ ประการนี้แล
|