เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ปริหานสูตร บุคคลผู้มีธรรมอันไม่เสื่อม และเสื่อมไป ..ไม่รู้ธรรม ไม่ฟังธรรม ฟังแล้วเลอะเลือน 2342
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

ปริหานสูตร บุคคลผู้มีธรรมที่เสื่อมไป
บุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อม
๑ ไม่ฟังธรรมที่ไม่เคยฟัง
๒ ธรรมที่ภิกษุนั้นฟังแล้ว ย่อมถึงความเลอะเลือน
๓ ธรรมที่ภิกษุนั้นเคยถูกต้องด้วยใจในกาลก่อน ย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ
๔ ภิกษุนั้นย่อมไม่รู้ธรรมที่ตนยังไม่รู้

ส่วนบุคคลผู้มีธรรมอันไม่เสื่อม
๑ ย่อมฟังธรรมที่ตนไม่เคยฟังมา
๒ ธรรมที่ภิกษุนั้นเคยฟังแล้ว ย่อมไม่ถึงความเลอะเลือน
๓ ธรรมที่ภิกษุนั้นเคยถูกต้องด้วยใจในกาลก่อน ย่อมปรากฏ
๔ ภิกษุนั้นย่อมรู้ธรรมที่ตนยังไม่รู้

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๖-๑๐๘

ปริหานสูตร
บุคคลผู้มีธรรมอันไม่เสื่อมและเสื่อมไป
(แสดงธรรมโดยพระสารีบุตร)

            [๕๕] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้เรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำของท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตร ได้ถามว่าดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคย่อมตรัสว่า บุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อม บุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อม ดังนี้

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อมพระผู้มีพระภาค ตรัสแล้ว ด้วยเหตุมี ประมาณเท่าไรหนอแล อนึ่ง บุคคลผู้มีธรรมอันไม่เสื่อม พระผู้มีพระภาค ตรัสแล้ว ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า ข้าแต่อาวุโส กระผมทั้งหลาย มาแต่ที่ไกลแล เพื่อทราบเนื้อความแห่งภาษิตนี้ในสำนักของท่านพระสารีบุตร ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้จงแจ่มแจ้งกะท่านพระสารีบุตรเองเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อ ท่านพระสารีบุตรแล้วจักทรงจำไว้ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงฟังจงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ดูกรอาวุโส ทั้งหลาย บุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อม พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ด้วยเหตุมีประมาณ เท่าไรหนอแล  ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
      ไม่ฟังธรรมที่ไม่เคยฟัง ๑
      ธรรมที่ภิกษุนั้นฟังแล้ว ย่อมถึงความเลอะเลือน ๑
      ธรรมที่ภิกษุนั้นเคยถูกต้องด้วยใจในกาลก่อน ย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ ๑
      ภิกษุนั้นย่อมไม่รู้ธรรมที่ตนยังไม่รู้ ๑

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อมพระผู้มีพระภาค ตรัสไว้แล้วด้วย เหตุมีประมาณเท่านี้แล

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ส่วนบุคคลผู้มีธรรมอันไม่เสื่อม พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมฟังธรรมที่ตนไม่เคยฟังมา ๑
ธรรมที่ภิกษุนั้นเคยฟังแล้ว ย่อมไม่ถึงความเลอะเลือน ๑ ธรรมที่ภิกษุนั้นเคยถูกต้องด้วยใจในกาลก่อน ย่อมปรากฏ ๑ ภิกษุนั้นย่อมรู้ธรรมที่ตนยังไม่รู้ ๑


           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคลผู้มีธรรมอันไม่เสื่อมพระผู้มีพระภาค ได้ตรัสไว้แล้ว ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย หากว่าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวาระจิต ของผู้อื่นไซร้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายพึงศึกษาว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตน ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตนอย่างไร ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษที่เป็นหนุ่มสาว มีปรกติชอบแต่งตัว ส่องดูเงาหน้าของตนในคันฉ่องอันบริสุทธิ์หมดจด หรือในภาชนะน้ำอันใสถ้าเห็น ธุลี หรือจุดดำที่หน้านั้น ก็ย่อมพยายามกำจัดธุลีหรือจุดดำนั้นเสีย ถ้าไม่เห็นธุลีหรือจุดดำ ที่หน้านั้นก็ย่อมดีใจ มีความดำริอันบริบูรณ์ด้วยเหตุนั้น นั่นเทียวว่าเป็นลาภของเรา แล้วหนอ หน้าของเราบริสุทธิ์แล้วหนอ แม้ฉันใด

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การพิจารณาของภิกษุว่า
เราเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา อยู่โดยมากหรือหนอธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท อยู่โดยมากหรือหนอธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ อยู่โดยมากหรือหนอธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน อยู่โดยมากหรือหนอธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัย อยู่โดยมากหรือหนอ ธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ไม่มักโกรธ อยู่โดยมากหรือหนอ ธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ไม่เศร้าหมอง อยู่โดยมากหรือหนอ ธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ได้ความปราโมทย ในธรรมภายในหรือหนอ ธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ได้ความสงบแห่งจิต ภายในหรือหนอ ธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ
-เราเป็นผู้ได้ความเห็นแจ้งธรรม ด้วยปัญญาอันยิ่งหรือหนอ            ธรรมนี้มีอยู่แก่เราหรือว่าไม่มีหนอ ดังนี้ เป็นอุปการะมาก ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมไม่พิจารณาเห็นกุศลธรรม เหล่านี้แม้ทั้งหมดในตนไซร้ ภิกษุนั้นควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่งเพื่อได้เฉพาะ ซึ่งกุศลธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั่นเทียว ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีผ้า ถูกไฟไหม้ หรือมีศีรษะถูกไฟไหม้ ควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้มีประมาณยิ่ง เพื่อดับไฟไหม้ผ้า หรือไฟไหม้ศีรษะนั้นนั่นเทียว แม้ฉันใดภิกษุนั้นควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้นความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้เฉพาะซึ่งกุศลธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั่นเทียว ฉันนั้นเหมือนกันแล

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมพิจารณาเห็นกุศลธรรม บางอย่างในตนย่อมไม่พิจารณาเห็นกุศลธรรม บางอย่างในตนไซร้ ภิกษุนั้นพึงตั้งอยู่ใน กุศลธรรมทั้งหลายที่พิจารณาเห็นในตนแล้ว พึงทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้เฉพาะซึ่งกุศลธรรมทั้งหลายที่ไม่พิจารณาเห็นในตนเหล่านั้น

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีผ้าถูกไฟไหม้ หรือมีศีรษะ ถูกไฟไหม้ ควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความ ไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้มีประมาณยิ่ง เพื่อดับไฟไหม้ผ้า หรือไฟไหม้ศีรษะ นั้นนั่นเทียว แม้ฉันใด ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนั้นควรตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย ที่พิจารณาเห็นในตนแล้ว ควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะความ ขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้เฉพาะ ซึ่งกุศลธรรม ทั้งหลายที่ไม่พิจารณาเห็นในตนเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกันแล

           ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมพิจารณาเห็นกุศลธรรมเหล่านี้ แม้ทั้งหมดในตนไซร้ ภิกษุนั้นควรตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั่นเทียว แล้วพึงทำ ความเพียรให้ยิ่งขึ้นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย

 

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์