พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๘-๔๑
สีหสูตร
กำลังของตถาคต ๑๐ ประการ
ตรัสกับภิกษุทั้งหลาย
[๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเวลาเย็น สีหมฤคราช ย่อมออกจากที่อาศัย ครั้นแล้ว ย่อมเหยียดดัดตัว ครั้นแล้ว ย่อมเหลียวดูทิศทั้ง ๔ โดยรอบ ครั้นแล้วย่อม บันลือสีหนาทสามครั้ง ครั้นแล้ว ย่อมหลีกไปเพื่อหากิน ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ มันคิดว่า เราอย่าได้ยังสัตว์ตัวเล็กๆ ผู้ไปในที่หากินอันไม่สม่ำเสมอให้ถึงการถูก ฆ่าเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่า สีหะ นี้แล เป็นชื่อแห่งพระตถาคต อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตแสดงธรรมแก่บริษัท เป็นสีหนาท ของตถาคต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตประกอบด้วยกำลังเหล่าใด ย่อมปฏิญาณฐานะของ ผู้เป็นโจกบันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท กำลังของตถาคตมี ๑๐ ประการนี้
๑๐ ประการเป็นไฉน
(๑) ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งฐานะโดยเป็นฐานะ และ อฐานะ โดยเป็น อฐานะ ในโลกนี้ ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งฐานะโดยเป็นฐานะ และอฐานะ โดยเป็น อฐานะ ตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณ ฐานะของ ผู้เป็นโจกบันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๒) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งวิบากแห่งการยึดถือ การกระทำ ทั้งที่เป็น อดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยฐานะ โดยเหตุตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ ตถาคตรู้ชัดซึ่งวิบากแห่งการยึดถือ การกระทำที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน โดยฐานะ โดยเหตุตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะ ของผู้เป็น โจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๓) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัด ซึ่งปฏิปทาเครื่องให้ถึงประโยชน์ ทั้งปวง ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งปฏิปทาเครื่องให้ถึง ประโยชน์ ทั้งปวงตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของ ผู้เป็น โจก บันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๔) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัด ซึ่งโลกอันมีธาตุเป็นอเนก มีธาตุต่างๆ ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งโลก อันมีธาตุเป็นอเนกมีธาตุต่างๆ ตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๕) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งความที่สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มี อัธยาศัย ต่างๆ กัน ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคต รู้ชัดซึ่งความที่สัตว์ ทั้งหลายเป็นผู้มี อัธยาศัยต่างๆ กันตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัย ปฏิญาณฐานะของ ผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๖) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งความหย่อน และยิ่งแห่งอินทรีย์ ของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่น ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งความ หย่อน และยิ่ง แห่งอินทรีย์ของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของ ตถาคต ที่ตถาคต อาศัย ปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักร ในบริษัท
(๗) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว การออก แห่ง ฌาน วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติทั้งหลาย ตามเป็นจริง ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว การออกแห่ง ฌานวิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติทั้งหลายตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคต อาศัยปฏิญาณฐานะ ของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๘) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ชาติหนึ่ง บ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติสาม สิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้างแสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้างตลอด สังวัฏกัปวิวัฏกัป เป็นอันมากบ้างว่า ในภพโน้นเรามีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้ มีผิวพรรณอย่างนี้ มีอาหารอย่างนี้ เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนี้ๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านี้
ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้น เราก็มีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้ มีผิวพรรณอย่างนี้ มีอาหารอย่างนี้ เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนี้ๆ มีกำหนด อายุเพียงเท่านี้ ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ ย่อมระลึกถึง ชาติก่อนได้ เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาค ตระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมากคือ ชาติหนึ่ง บ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมากพร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้ง อุเทศ ด้วยประการฉะนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะ ของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๙) อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วย กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วย อำนาจมิจฉาทิฐิ
เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วย กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วย อำนาจสัมมาทิฐิ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ตถาคตย่อมเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลัง จุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีตมีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุ อันบริสุทธิ์ล่วงจักษุมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตเห็นสัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุมนุษย์ รู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ฯลฯ นี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณ ฐานะ ของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท
(๑๐) อีกประการหนึ่ง ตถาคตกระทำให้แจ้ง ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะ มิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคต กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะ มิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ แม้นี้ ก็เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตประกอบด้วยกำลังเหล่าใด ปฏิญาณฐานะ ของ ผู้เป็นโจก บันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท กำลังของตถาคตเหล่านั้น๑๐ ประการนี้แล |