พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๑
ทานสูตรที่ ๑
[๑๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน คือ
บางคนหวังได้จึงให้ทาน ๑
บางคนให้ทานเพราะกลัว ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เขาให้แก่เราแล้ว ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เขาจักให้ตอบแทน ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า ทานเป็นการดี ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เราหุงหากิน ชนเหล่านี้หุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่ชนเหล่านี้ผู้ไม่หุงหากินไม่สมควร ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เมื่อเราให้ทานกิตติศัพท์อันงามย่อมฟุ้งไป ๑
บางคนให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๘ ประการนี้แล
------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๑
ทานสูตรที่ ๒
[๑๒๒] ธรรม ๓ ประการนี้ คือ
การให้ทานด้วยศรัทธา ๑
การให้ทานด้วยหิริ ๑
การให้ทานอันหาโทษมิได้ ๑
เป็นไปตามสัปบุรุษ บัณฑิตกล่าวธรรม ๓ ประการนี้ว่า เป็นทางไปสู่ไตรทิพย์ ชนทั้งหลาย ย่อมไปสู่เทวโลกด้วยทางนี้แล
------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๑-๒๑๒
ทานวัตถุสูตร
[๑๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานวัตถุ ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน คือ
บางคนให้ทานเพราะชอบพอกัน ๑
บางคนให้ทานเพราะโกรธ ๑
บางคนให้ทานเพราะหลง ๑
บางคนให้ทานเพราะกลัว ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เคยให้มา เคยทำมา เราไม่ควรให้เสียวงศ์ตระกูลดั้งเดิม ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เราให้ทานนี้แล้ว เมื่อตายไปจักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑
บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เมื่อเราให้ทานนี้ จิตใจย่อมเลื่อมใส ความเบิกบานใจ ความดีใจ ย่อมเกิดตามลำดับ ๑
บางคนให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานวัตถุ ๘ ประการนี้แล
[๑๒๔] เขตสูตร (นาดี-นาเลว) P2270
[๑๒๕] ทานูปปัตติสูตร P2276
[๑๒๖] ปุญญกิริยาวัตถุสูตร P295
------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๘
สัปปุริสสูตรที่ ๑
[๑๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๘ ประการนี้ ๘ ประกา
เป็นไฉน คือ
ให้ของสะอาด ๑
ให้ของประณีต ๑
ให้ตามกาล ๑
ให้ของสมควร ๑
เลือกให้ ๑
ให้เนืองนิตย์ ๑
เมื่อให้จิตผ่องใส ๑
ให้แล้วดีใจ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๘ ประการนี้แล สัปบุรุษย่อมให้ทาน คือ ข้าวและน้ำที่สะอาด ประณีต ตามกาล สมควร เนืองนิตย์ ในผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ผู้เป็นเขตดี บริจาคของมากแล้วก็ไม่รู้สึกเสียดาย ท่านผู้มี ปัญญาเห็นแจ้ง ย่อมสรรเสริญ ทานที่สัปบุรุษให้แล้วอย่างนี้ เมธาวีบัณฑิตผู้มีศรัทธา มีใจอันสละแล้ว บริจาคทาน อย่างนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุข
------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๘-๒๑๙
สัปปุริสสูตรที่ ๒
[๑๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปบุรุษเมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิดเพื่อ ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่มารดาบิดา ๑
แก่บุตรภรรยา ๑
แก่หมู่คนผู้เป็นทาสกรรมกร ๑
แก่มิตรอำมาตย์ ๑
แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ๑
แก่พระราชา ๑
แก่เทวดาทั้งหลาย ๑
แก่สมณพราหมณ์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาเมฆเมื่อตกให้ข้าวกล้าเจริญงอกงาม ย่อมตก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก ฉันใด สัปบุรุษก็ฉันนั้น เหมือนกัน เมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชน เป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่มารดาบิดา ... แก่สมณพราหมณ์
สัปบุรุษผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นผู้ไม่เกียจคร้านทั้ง กลางคืนกลางวัน บำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ในชั้นต้นระลึกถึงอุปการะที่ท่านทำไว้ก่อน ย่อมบูชามารดา บิดาโดยชอบธรรม สัปบุรุษผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว และมีศีล เป็นที่รัก ทราบธรรมแล้ว ย่อมบูชาบรรพชิตผู้ไม่ครองเรือน ผู้ไม่มีบาปประพฤติพรหมจรรย์ สัปบุรุษนั้นเป็นผู้เกื้อกูลต่อ พระราชา ต่อเทวดา ต่อญาติและสหายทั้งหลาย ตั้งมั่นแล้ว ในสัทธรรม เป็นผู้เกื้อกูลแก่คนทั้งปวง สัปบุรุษนั้น กำจัด มลทินคือความตระหนี่ได้แล้ว ย่อมประสบโลกอันเกษม |