พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๗
๑๑. วลาหกสังยุต
๑. เทสนาสูตร
ว่าด้วยเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก
[๕๔๒] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงพวกเทวดา ซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหกแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเทวดา ซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก เป็นไฉน? พวกเทวดา
๑. ที่เป็น สีตวลาหก ก็มี (ปัจจัยให้มี ความหนาว)
๒. ที่เป็น อุณหวลาหก ก็มี (ปัจจัยให้มี ความร้อน)
๓. ที่เป็น อัพภวลาหก ก็มี (ปัจจัยให้มี เมฆหมอก)
๔. ที่เป็น วาตวลาหก ก็มี (ปัจจัยให้มี ลม)
๕. ที่เป็น วัสสวลาหก ก็มี (ปัจจัยให้มี ฝน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกนี้เราเรียกว่า พวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๗ -๒๘๘
๒. สุจริตสูตร
ว่าด้วยเหตุให้เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกวลาหก
[๕๔๓] พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา ซึ่งนับเนื่อง ในหมู่วลาหก พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความ เป็นสหาย ของพวกเทวดา ซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและอุปกรณ์แห่งประทีป. เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา ซึ่งนับเนื่องในหมู่วลาหก.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๘
๓-๑๒ สีตวลาหกทานูปการสูตร ที่ ๑-๑๐
ว่าด้วยเหตุให้เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกสีตวลาหก
[๕๔๔] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดาที่เป็น สีตวลาหก พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกเทวดาที่เป็น สีตวลาหก มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก.
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกเทวดาที่เป็นสีตวลาหก.
เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่พัก ประทีปและ อุปกรณ์แห่งประทีป. เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวก เทวดาที่เป็น สีตวลาหก.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมเข้าถึงความ เป็น สหายของพวกเทวดา ที่เป็นสีตวลาหก.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๘-๒๘๙
๑๓-๕๒ อุณหวลาหกทานูปการาทิสูตร ที่ ๑-๕๐
ว่าด้วยเหตุให้เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกอุณหวลาหกเป็นต้น
[๕๔๕] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดาที่เป็น อุณหวลาหก ...?
[๕๔๖] ... เข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา ที่เป็นอัพภวลาหก ...
[๕๔๗] ... เข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา ที่เป็นวาตวลาหก ...
[๕๔๘] ... เข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา ที่เป็นวัสสวลาหก ...
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกเทวดาที่เป็น วัสสวลาหก มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก.
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกเทวดา ที่เป็นวัสสวลาหก. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่พัก ประทีปและอุปกรณ์แห่งประทีป. เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความ เป็นสหายของพวกเทวดา ที่เป็น วัสสวลาหก.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา ที่เป็นวัสสวลาหก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๙
๕๓. สีตวลาหกสูตร
ว่าด้วยเหตุให้มีความหนาว
[๕๔๙] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ความหนาวมี ในบางคราวพระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ พวกเทวดาชื่อว่า(๑) สีตวลาหก มีอยู่เมื่อใด เทวดาพวกนั้น มีความคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ พวกเราพึงยินดีด้วยความยินดีของตน เมื่อนั้น ความหนาวย่อมมี เพราะอาศัยความตั้งใจของเทวดาพวกนั้น.
ดูกรภิกษุ ข้อนั้นแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ความหนาวมีในบางคราว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๐
๕๔. อุณหวลาหกสูตร
ว่าด้วยเหตุให้มีความร้อน
[๕๕๐] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ความร้อนมี ในบางคราว พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ พวกเทวดาชื่อ(๒) อุณหวลาหก มีอยู่เมื่อใด เทวดาพวกนั้น มีความคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ พวกเราพึงยินดีด้วยความยินดีของตน เมื่อนั้น ความร้อนย่อมมี เพราะอาศัยความตั้งใจของเทวดาพวกนั้น.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ความร้อนมีในบางคราว.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๐
๕๕. อัพภวลาหกสูตร
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้มีเมฆหมอกในบางคราว
[๕๕๑] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เมฆหมอกมี ในบางคราวพระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ พวกเทวดาชื่อว่า(๓) อัพภวลาหก มีอยู่เมื่อใด เทวดาพวกนั้นมีความคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ พวกเราพึงยินดีด้วยความยินดีของตน เมื่อนั้น เมฆหมอกย่อมมี เพราะอาศัยความตั้งใจของเทวดาพวกนั้น.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เมฆหมอกมีในบางคราว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๑
๕๖. วาตวลาหกสูตร
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้มีลมในบางคราว
[๕๕๒] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้มีลม ใน บางคราว พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ พวกเทวดาชื่อว่า(๔) วาตวลาหก มีอยู่เมื่อใด เทวดาพวกนั้นมีความคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ พวกเราพึงยินดีด้วยความยินดีของตน เมื่อนั้น ลมย่อมมี เพราะอาศัยความตั้งใจของเทวดาพวกนั้น.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้มีลมในบางคราว.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๑-๒๙๒
๕๗. วัสสวลาหกสูตร
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้มีฝนในบางคราว
[๕๕๓] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้มีฝน ในบางคราว พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ พวกเทวดาชื่อว่า(๕) วัสสวลาหก มีอยู่เมื่อใด เทวดาพวกนั้น มีความคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ พวกเราพึงยินดีด้วยความยินดีของตน เมื่อนั้น ฝนย่อมมี เพราะอาศัยความตั้งใจของเทวดาพวกนั้น.
ดูกรภิกษุ ข้อนั้นแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้มีฝนในบางคราว. |