พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๙
๑. จักขุสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๔๙๙] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ในจักษุ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในหู นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในจมูก นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในลิ้น นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ในกาย นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ในใจ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลายเมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งใจในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะ อบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมอันทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๙
๒. รูปสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๐] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจในรูป นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในเสียง ฯลฯ ในกลิ่น ฯลฯในรส ฯลฯ ในโผฏฐัพพะ ฯลฯ ในธรรมารมณ์ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลายเมื่อใดแล ภิกษุและอุปกิเลสแห่งใจในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมอันจะพึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๐
๓. วิญญาณสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๑] ก. พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจ ใน จักขุวิญญาณ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจใน โสตวิญญาณ ฯลฯในฆานวิญญาณ ฯลฯ ในชิวหาวิญญาณ ฯลฯ ในกายวิญญาณ ฯลฯ ในมโนวิญญาณ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิตในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้นจิตของเธอ ย่อมเป็นจิตน้อมไปในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมที่จะพึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๐
๔. ผัสสสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๑] ข. พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจ ใน จักขุสัมผัส นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจใน โสตสัมผัส ฯลฯในฆานสัมผัส ฯลฯ ในชิวหาสัมผัส ฯลฯ ในกายสัมผัส ฯลฯ ในมโนสัมผัส นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละกิเลสแห่งจิตในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมที่จะพึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๐-๒๖๑
๕. เวทนาสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๒] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ใน จักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในโสตสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในฆานสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในฆานสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในกายสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯในมโนสัมผัสสชาเวทนา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลส แห่งจิตในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอ ย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมที่พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๑
๖. สัญญาสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๓] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจ ในรูปสัญญา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจใน สัททสัญญา ฯลฯในคันธสัญญา ฯลฯ ในรสสัญญา ฯลฯ ในโผฏฐัพพสัญญา ฯลฯ ในธรรมสัญญา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิต ในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอ ย่อมเป็นจิตน้อมไปในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมที่พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๑
๗. เจตนาสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๔] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจ ใน รูปสัญเจตนา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจใน สัททสัญเจตนา ฯลฯในคันธสัญเจตนา ฯลฯ ในรสสัญเจตนา ฯลฯ ในโผฏฐัพพสัญเจตนา ฯลฯ ในธรรมสัญเจตนา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิต ในฐานะ ๖ นี้ได้เมื่อนั้น จิตของเธอ ย่อมเป็นจิตน้อมไปในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏ ในธรรมที่พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๒
๘. ตัณหาสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๕] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจ ในรูปตัณหา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจใน สัททตัณหา ฯลฯ ในคันธตัณหา ฯลฯ ในรสตัณหา ฯลฯ ในโผฏฐัพพตัณหา ฯลฯ ในธรรมตัณหา ฯลฯ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิต ในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอ ย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมที่พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๒
๙. ธาตุสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๖] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัด ด้วยอำนาจความ พอใจ ในปฐวีธาตุ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจใน อาโปธาตุ ฯลฯ ในเตโชธาตุ ฯลฯ ในวาโยธาตุ ฯลฯ ในอากาสธาตุ ในวิญญาณธาตุ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอ ย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรมที่พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๒-๒๖๓
๑๐. ขันธสูตร
ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต
[๕๐๗] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในรูป นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในเวทนา นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในสัญญา นี้เป็นกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ ในสังขาร นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ในวิญญาณ นี้เป็นอุปกิเลสแห่งจิต.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิต ในฐานะ ๖ นี้ได้ เมื่อนั้นแล จิตของเธอย่อมเป็นจิตน้อมไป ในเนกขัมมะ อันเนกขัมมะอบรมแล้ว ควรแก่การงาน ปรากฏในธรรม ที่พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา |