เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

การเห็นของพระอริยะ ย่อมเห็นตรงกันข้ามกับชาวโลกทั้งปวง (ปัคคัยหสูตรที่ ๑) 1715
  (ย่อ)

การเห็นของพระอริยะ ย่อมเห็นตรงกันข้ามกับชาวโลกทั้งปวง (ปัคคัยหสูตรที่ ๑)

1) ปุถุชนเป็นผู้มีรูป เป็นที่มายินดี
   เมื่อรูปแปรปรวน คลายไป ดับไป ย่อมอยู่เป็นทุกข์
   (เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกับรูป)

2) ตถาคตรู้แจ้งแล้ว ไม่เป็นผู้มีรูปเป็นที่มายินดี
   เมื่อรูป แปรปรวน คลายไป ดับไป ย่อมอยู่เป็นสุข
   (เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกับรูป)

3) การเห็นของพระอริยะ ย่อมเห็นตรงกันข้ามกับชาวโลกทั้งปวง
  - รูป อันน่าปรารถนา น่าพอใจ เป็นสิ่งชาวโลก พร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข
  - ถ้าว่ารูปารมณ์เหล่านั้น ดับในที่ใด เทวดา และมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่า เป็นทุกข์
  - ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะว่า เป็นสุข
(เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกับรูป)

4) ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพาน
   คนพาลผู้หลงไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคล ผู้ถูกนิวรณ์ หุ้มห่อ
   เหมือนความมัวมน ย่อมมีแก่บุคคล ผู้ไม่เห็น
   นิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคล ผู้เห็น

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 

 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ สุตตันตปิฎ หน้าที่ ๑๒๙

ปัคคัยหสูตรที่ ๑

1)
(ปุถุชนเป็นผู้มีรูป เสียง กลิ่น..ธรรมารมณ์เป็นที่มายินดี เมื่อรูป เสียง กลิ่น.. แปรปรวน คลายไป ดับไป ย่อมอยู่เป็นทุกข์)

           [๒๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เทวดาและมนุษย์
เป็นผู้มี รูป เป็นที่มายินดี

เป็นผู้ยินดีแล้ว ในรูป
เป็นผู้เพลิดเพลินแล้ว ในรูป
เพราะรูปแปรปรวน คลายไป และดับไป เทวดาและมนุษย์ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
เทวดาและมนุษย์
เป็นผู้มี
เสียง ป็นที่มายินดี ...
เป็นผู้มี กลิ่น เป็นที่มายินดี ...
เป็นผู้มี
รส เป็นที่มายินดี ...
เป็นผู้มี
โผฏฐัพพะ เป็นที่มายินดี ...
เป็นผู้มี
ธรรมารมณ์ เป็นที่มายินดี
เป็นผู้ยินดีแล้ว ในธรรมารมณ์
เป็นผู้เพลิดเพลินแล้วในธรรมารมณ์
เพราะธรรมารมณ์แปรปรวน คลายไปและดับไป เทวดาและมนุษย์ ย่อมอยู่เป็นทุกข์

2)
(ตถาคตรู้แจ้งแล้ว ไม่เป็นผู้มีรูป เสียง เป็นที่มายินดี เมื่อรูป เสียง กลิ่น.. ธรรมารมณ์แปรปรวน คลายไป ดับไป ย่อมอยู่เป็นสุข)

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนตถาคต ผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ รู้แจ้งแล้ว ซึ่งความเกิดขึ้น ความดับไป คุณ โทษและอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งรูปทั้งหลาย ตามความเป็นจริง
ไม่ เป็นผู้มี รูป เป็นที่มายินดี
ไม่ เป็นผู้ยินดีแล้วในรูป
ไม่ เป็นผู้เพลิดเพลินแล้วในรูป
เพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดับไป ตถาคตย่อมอยู่เป็นสุข

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตผู้---เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ รู้แจ้งแล้วซึ่ง ความเกิดขึ้นความดับไปคุณโทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่ง เสียง ... กลิ่น ... รส ... โผฏฐัพพะ ...ธรรมารมณ์ ตามความเป็นจริง ย่อม
ไม่ เป็นผู้มีธรรมารมณ์ เป็นที่มายินดี
ไม่ เป็นผู้ยินดีแล้ว ในธรรมารมณ์
ไม่ เป็นผู้เพลิดเพลินแล้ว ในธรรมารมณ์
เพราะธรรมารมณ์แปรปรวนไป คลายไปและดับไป ตถาคตก็ย่อมอยู่เป็นสุข

           ครั้นพระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ได้ตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า
---------------------------------------------------------------------------------------------

3)
(การเห็นของพระอริยะ ย่อมเห็นตรงกันข้ามกับชาวโลกทั้งปวง)

           [๒๑๗] รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด รูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลก พร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น
เทวดา และมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่า เป็นทุกข์
ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ
(รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคล ถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข

การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้เห็นอยู่นี้ ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง

บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่า เป็นสุข
พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่า เป็นทุกข์

บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่า เป็นทุกข์
พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่า เป็นสุข

เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก

4)
(ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพาน)

        คนพาลผู้หลงไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ
เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคล ผู้ไม่เห็น
นิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ
เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็นชนทั้งหลายแสวงหา
ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพาน อันมีในที่ใกล้
ธรรมนี้อันบุคคล ผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ ผู้แล่นไปตามกระแส ตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมาร ท่วมทับ ไม่ตรัสรู้ได้ง่าย

ใครหนอ เว้นจาก พระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้ว ย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพานบท ที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้ โดยชอบ เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์