พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๔-๒๒๗
๔. พักกุลัตเถรัจฉริยัพภูตสูตร (๑๒๔)
[๓๘๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง ท่านพระพักกุลเถระ อยู่ที่พระวิหารเวฬุวัน อันเคยเป็นสถานที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ปริพาชกชื่ออเจละกัสสป ผู้เป็น สหาย ของท่านพระพักกุละ ครั้งเป็นคฤหัสถ์ ในกาลก่อน เข้าไปหาท่าน พระพักกุละ ถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้ทักทายปราศรัยกับท่านพระพักกุละ ครั้นผ่านคำทักทาย ปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กล่าว กะท่านพระพักกุละ ดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านพระพักกุละ ท่านบวชมานานเท่าไรแล้ว
ท่านพระพักกุละตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ เราบวชมา ๘๐ พรรษาแล้ว
อเจล. ข้าแต่ท่านพระพักกุละ ชั่ว ๘๐ ปีนี้ ท่านเสพเมถุนธรรมกี่ครั้ง
[๓๘๑] พักกุล. ดูกรกัสสปผู้มีอายุ ท่านไม่ควรถามเราอย่างนั้นเลย แต่ควร จะถามเราอย่างนี้ว่า ก็ชั่ว ๘๐ ปีนี้ กามสัญญาเคยเกิดขึ้นแก่ท่านกี่ครั้ง
ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา ไม่รู้สึกกามสัญญา เคยเกิดขึ้น
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้สึกกามสัญญาเคยเกิดขึ้น ชั่วเวลา ๘๐ พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของท่าน พระพักกุละ ประการหนึ่ง (อัศจรรย์ในแง่ที่ว่าตลอด 80 พรรษา พักกุละไม่เคยคิดเรื่องกาม เลย)
พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไม่รู้สึกพยาบาท สัญญา เคยเกิดขึ้น
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้สึกพยาบาทสัญญาเคยเกิดขึ้นชั่วเวลา ๘๐ พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของท่าน พระพักกุละ ประการหนึ่ง
พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไม่รู้สึก วิหิงสาสัญญา เคยเกิดขึ้น
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้สึกวิหิงสาสัญญาเคยเกิดขึ้นชั่วเวลา ๘๐พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของท่าน พระพัก กุละ ประการหนึ่ง
[๓๘๒] พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไม่รู้สึก กามวิตกเคยเกิดขึ้น
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้สึกกามวิตกเคยเกิดขึ้น ชั่วเวลา ๘๐พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของท่าน พระพักกุละ ประการหนึ่ง
พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไม่รู้สึกพยาบาท วิตก ... วิหิงสาวิตกเคยเกิดขึ้น
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้สึกวิหิงสาวิตกเคยเกิดขึ้นชั่วเวลา ๘๐พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง
[๓๘๓] พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไม่ รู้สึกยินดีคหบดีจีวร
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้สึกยินดีคหบดีจีวรชั่วเวลา ๘๐ พรรษานี้ พวก ข้าพเจ้า จะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของท่านพระ พักกุละ ประการหนึ่ง
พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา
ไม่รู้จัก ใช้ศาตราตัดจีวร ...
ไม่รู้จัก ใช้เข็มเย็บจีวร ...
ไม่รู้จักใช้ เครื่องย้อมจีวร ...
ไม่รู้จัก เย็บจีวรในสะดึง ..
ไม่รู้จัก จัดทำจีวรของเพื่อนภิกษุ ร่วมประพฤติพรหมจรรย์ด้วยกัน ..
ไม่รู้สึก ยินดีกิจนิมนต์ ...
ไม่รู้สึก เคยเกิดจิตเห็นปานนี้ ว่า ขอใครๆ พึงนิมนต์เราเถิด ...
ไม่รู้จัก นั่งในละแวกบ้าน ...
ไม่รู้จัก ฉันอาหารในละแวกบ้าน ...
ไม่รู้จัก ถือเอานิมิต ของมาตุคามโดยอนุพยัญชนะ ...
ไม่รู้จัก แสดงธรรมแก่มาตุคาม แม้ที่สุดคาถา ๔ บาท ...
ไม่รู้จัก เข้าไปสู่สำนักของภิกษุณี ...
ไม่รู้จัก แสดงธรรมแก่ภิกษุณี ...
ไม่รู้จัก แสดงธรรมแก่สิกขมานา ...
ไม่รู้จัก แสดงธรรมแก่สามเณรี ...
ไม่รู้จัก ให้บรรพชา ...
ไม่รู้จัก ให้อุปสมบท ...
ไม่รู้จัก ให้นิสสัย ...
ไม่รู้จัก ใช้สามเณรอุปัฏฐาก ...
ไม่รู้จัก อาบน้ำในเรือนไฟ ...
ไม่รู้จัก ใช้จุณอาบน้ำ ...
ไม่รู้จัก ยินดีการนวดฟั้นตัว ของเพื่อนภิกษุร่วมประพฤติพรหมจรรย์ด้วยกัน ...
ไม่รู้จัก เคยเกิดอาพาธที่สุดแม้ ชั่วขณะรีดนมโคสำเร็จ ...
ไม่รู้จัก ฉันยาที่สุดแม้ชิ้นเสมอ ...
ไม่รู้จัก อิงพนัก ...
ไม่รู้จัก สำเร็จการนอน
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้จักสำเร็จการนอนชั่วเวลา ๘๐ พรรษานี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง
[๓๘๔] ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา ไม่รู้จักจำ พรรษา ในเสนาสนะใกล้เขตบ้าน
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้จักจำพรรษาในเสนาสนะใกล้เขตบ้านชั่วเวลา ๘๐ พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้น่าอัศจรรย์ ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง
พักกุล. ดูกรท่านผู้มีอายุ เราได้เป็นผู้ยังมีกิเลส ต้องรณรงค์ฉันบิณฑบาต ของ ชาวแว่นแคว้นเพียง ๗ วันเท่านั้น ต่อวันที่ ๘ พระอรหัตผลจึงเกิดขึ้น (แก่พักกุละ)
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ได้เป็นผู้ยังมีกิเลส ต้องรณรงค์ฉันบิณฑบาต ของชาวแว่นแคว้นเพียง ๗ วันเท่านั้น ต่อวันที่ ๘ จึงเกิดพระอรหัตผลขึ้น นี้ พวก ข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง
[๓๘๕] อเจล. ข้าแต่ท่านพระพักกุละ ขอข้าพเจ้าพึงได้บรรพชา ได้ อุปสมบท ในพระธรรมวินัยนี้เถิด
ปริพาชกชื่ออเจละกัสสป ได้บรรพชา ได้อุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้แล้ว แล ก็แหละท่านพระกัสสปอุปสมบทแล้วไม่นาน เป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่ ไม่ช้าเท่าไร ก็ได้เข้าถึงประโยชน์ที่กุลบุตรทั้งหลาย ผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการ อันไม่มีประโยชน์อื่นยิ่งกว่า เป็น ที่สุด แห่งพรหมจรรย์ ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ได้รู้ด้วยปัญญา อันยิ่งกว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แลท่านพระกัสสปได้เป็นพระอรหันต์ องค์หนึ่งแล้ว
[๓๘๖] ครั้นสมัยต่อมา ท่านพระพักกุละ ถือลูกดาลเข้าไปยังวิหารทุกๆหลัง แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า นิมนต์ท่านผู้มีอายุออกมาเถิดๆ วันนี้จักเป็นวันปรินิพพานของเรา
ท่านพระกัสสปกล่าวว่า ข้อที่ท่านพระพักกุละ ถือลูกดาลเข้าไปยังวิหารทุกๆ หลัง แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า นิมนต์ท่านผู้มีอายุออกมาเถิดๆ วันนี้จักเป็นวันปรินิพพาน ของเรา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้น่าอัศจรรย์ ของท่าน พระพักกุละ ประการหนึ่ง
[๓๘๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระพักกุละ นั่งปรินิพพานแล้ว ในท่ามกลาง ภิกษุสงฆ์ ท่านพระกัสสปกล่าวว่า ข้อที่ท่านพระพักกุละนั่งปรินิพพานแล้ว ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของท่าน พระพักกุละ อีกประการหนึ่ง
|